คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3437/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นคนละเรื่องกับการใช้สิทธิครอบครองที่ดินที่หนังสือรับรองการทำประโยชน์ถูกเพิกถอนดังนั้น เมื่อที่ดินพิพาทอยู่ในความครอบครองของผู้ร้องและยังฟังไม่ได้ว่าเป็นที่ดินของจำเลย โจทก์ก็จะนำยึดเพื่อบังคับชำระหนี้ของจำเลยไม่ได้ต้องถอนการยึดให้ผู้ร้อง

ย่อยาว

ผู้ร้อยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของที่ดินที่โจทก์นำยึดเพื่อบังคับชำระหนี้ของจำเลยและผู้ร้องได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวมาเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีแล้วขอให้เพิกถอนการยึด

โจทก์ให้การว่า ที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นคนละแปลงกับที่ดินของผู้ร้องแต่หากจะฟังว่าเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน โจทก์ก็เป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิดีกว่าผู้ร้อง ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ถอนการยึดที่ดินพิพาท

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ที่ดินพิพาทจะเป็นแปลงเดียวกันหรือเป็นบางส่วนของที่ดินที่ผู้ร้องรับโอนมาและผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีมีคำสั่งเพิกถอน น.ส.3 ก. สำหรับที่ดินดังกล่าวไปแล้ว แต่ผู้ร้องก็รับโอนที่ดินดังกล่าวตามคำพิพากษาและได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินนั้นแล้ว ทั้งโจทก์ก็นำสืบไม่ได้ความชัดแจ้งว่าที่ดินพิพาทที่ถูกยึดเป็นที่ดินของจำเลยด้วยและในฎีกาที่โจทก์ยื่นมาก็มิได้กล่าวยืนยันเช่นนั้น โดยโจทก์อ้างว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิในที่ดินนั้นเพราะ น.ส.3 ก. ของผู้ร้องถูกเพิกถอนไปแล้วเท่านั้นซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการใช้สิทธิครอบครองที่ดิน เมื่อที่ดินพิพาทอยู่ในครอบครองของผู้ร้องและยังรับฟังไม่ได้ว่าเป็นที่ดินของจำเลย ก็ต้องถอนการยึดให้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share