แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์และจำเลยต่างแย่งกันยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าซึ่งมีลักษณะเหมือนหรือเกือบเหมือนกัน แม้จำเลยจะได้ถูกนายทะเบียนเพิกถอนการจดทะเบียนเนื่องจากจำเลยซึ่งเป็นผู้ที่ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นไว้และครบสิบปีแล้วจำเลยไม่ต่ออายุของการจดทะเบียนซึ่งตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 มาตรา 27 ถือได้เพียงว่าจำเลยมิได้เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าตามนิตินัยต่อไปเท่านั้น แต่จำเลยยังใช้เครื่องหมายการค้านั้นอยู่จำเลยยังเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าโดยพฤตินัย เมื่อทั้งโจทก์และจำเลยต่างใช้และเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าพิพาทโดยพฤตินัยมาด้วยกัน แต่จำเลยใช้มาก่อนย่อมมีสิทธิดีกว่า
ย่อยาว
คดีทั้งสองสำนวนศาลชั้นต้นรวมพิจารณาและพิพากษาโดยให้เรียกโจทก์ในสำนวนแรกซึ่งเป็นจำเลยในสำนวนหลังว่าโจทก์ และโจทก์ในสำนวนหลังซึ่งเป็นจำเลยในสำนวนแรกว่าจำเลย
โจทก์สำนวนแรกฟ้องว่า โจทก์ได้ผลิตสินค้าโดยใช้เครื่องหมายการค้ารูป “มด” ออกจำหน่ายและได้ยื่นคำร้องจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวต่อกองทะเบียนสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2528 ต่อมาวันที่ 4 กันยายน 2528 จำเลยได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารูป “มด” แต่เนื่องจากเครื่องหมายการค้าที่โจทก์และจำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนเป็นสินค้าจำพวกเดียวกันและมีเครื่องหมายการค้าเป็นรูปมด ซึ่งมีลักษณะเหมือนหรือเกือบเหมือนกันนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าจึงมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบโจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยดำเนินการถอนคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตร และเครื่องหมายการค้า กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์แต่จำเลยก็เพิกเฉย ทำให้โจทก์เสียหายจำเลยต้องชำระค่าเสียหายให้โจทก์ โดยโจทก์ขอคิดค่าเสียหายเป็นเงิน100,000 บาท ขอให้นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารูป “มด” ในสินค้าจำพวกที่ 1ทั้งจำพวกให้แก่โจทก์ ให้จำเลยดำเนินการถอนคำขอจดทะเบียนหากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน100,000 บาท ให้โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ใช้และจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารูป “มด” ตั้งแต่ พ.ศ. 2516 อายุการจดทะเบียนสิ้นสุดในเดือนเมษายน 2526 จำเลยไม่ได้ดำเนินการต่ออายุการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลย แต่จำเลยก็ยังคงใช้เครื่องหมายการค้ารูป “มด” กับสินค้าของจำเลยมาจนถึงปัจจุบัน จำเลยจึงเป็นผู้มีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้ารูป “มด”ดีกว่าโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์สำนวนหลังฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2528 โจทก์ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารูป “มด” ต่อมานายทะเบียนมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบว่าเครื่องหมายการค้าดังกล่าวเหมือนหรือเกือบเหมือนกับเครื่องหมายการค้าของจำเลยนายทะเบียนจึงไม่รับจดให้โจทก์เป็นผู้มีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้ารูป “มด” ดีกว่าจำเลยเนื่องจากโจทก์ได้ใช้กับสินค้าของโจทก์และจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวมาตั้งแต่ พ.ศ. 2516และนายทะเบียนได้เคยรับจดทะเบียนไว้ โจทก์ก็ยังคงใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวมาจนปัจจุบัน โจทก์มีหนังสือขอให้จำเลยไปดำเนินการเพิกถอนแล้ว แต่จำเลยก็เพิกเฉยการที่จำเลยใช้เครื่องหมายการค้าซึ่งเหมือนหรือเกือบเหมือนกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นการลวงสาธารณชนให้หลงผิด คิดว่าสินค้าของจำเลยเป็นสินค้าของโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์ขอคิดค่าเสียหายเป็นเงิน100,000 บาท ขอให้จำเลยถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าว หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนา ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน100,000 บาท ให้โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ย ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารูป “มด” เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2528 ส่วนโจทก์ได้ยื่นเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2528 โจทก์จึงยื่นคำขอจดทะเบียนภายหลังจากการยื่นคำขอจดทะเบียนของจำเลย แม้โจทก์จะใช้เครื่องหมายการค้ารูปมด มาตั้งแต่ พ.ศ. 2516 และจดทะเบียน แต่นายทะเบียนก็ได้เพิกถอนการจดทะเบียนดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน 2526แล้ว โจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนภายในสิบสองเดือนนับตั้งแต่วันถูกเพิกถอน ตามมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 การเพิกถอนจึงสมบูรณ์ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิในเครื่องหมายการค้ารูป “มด”ดังกล่าว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ (ก) 149376 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2528ตามเอกสารหมาย จ.2 หากไม่ปฏิบัติตามก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาโจทก์ และยกฟ้องของจำเลยในคำขอเกี่ยวกับความเสียหาย โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่าเครื่องหมายการค้าของโจทก์และจำเลยที่ได้แย่งกันจดทะเบียนต่างเป็นรูปมดใช้กับสินค้าในจำพวกที่ 1 ทั้งจำพวก สินค้าของโจทก์เป็นประเภทกาวลาเท็กซ์ของจำเลยเป็นประเภทเคมีภัณฑ์ เช่น ผงทอง สีและกาวลาเท็กซ์ เครื่องหมายการค้าของโจทก์และของจำเลยปรากฏตามเอกสารหมาย จ.2 และ จ.5 ตามลำดับซึ่งมีลักษณะเกือบเหมือนกัน จำเลยได้ใช้เครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าของจำเลยมาแต่ พ.ศ. 2515 และได้นำไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้เมื่อ พ.ศ. 2516 ครบกำหนดสิบปีแล้วจำเลยไม่ต่ออายุของการจดทะเบียนจนนายทะเบียนเพิกถอนเครื่องหมายการค้านั้นเสียจากทะเบียนเมื่อวันที่12 เมษายน 2526 และภายในกำหนดสิบสองเดือน นับแต่วันเพิกถอนจำเลยมิได้มีการขอต่ออายุการจดทะเบียนขึ้นมา ในระหว่างที่จำเลยใช้เครื่องหมายการค้ายังไม่ถูกเพิกถอนกับสินค้าจำเลยอยู่นั้นโจทก์ก็ได้ใช้เครื่องหมายการค้ารูปมดกับสินค้าของโจทก์กล่าวคือ เมื่อพ.ศ. 2519 โจทก์ได้ผลิตและจำหน่ายสินค้ากาวลาเท็กซ์ ภายใต้เครื่องหมายการค้ารูปมดแดงโดยคิดประดิษฐ์รูปมด ขึ้นเองเพราะโจทก์เคยศึกษาอยู่ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าบางมด ครั้นต่อมาวันที่ 8 สิงหาคม 2528 โจทก์ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนตามคำขอเลขที่ (ก) 149376 ส่วนจำเลยก็ยื่นคำขอจดทะเบียนเมื่อวันที่4 กันยายน 2528 ตามคำขอเลขที่ (ก) 149965 นายทะเบียนไม่ยอมจดทะเบียน เพราะเห็นว่าเครื่องหมายการค้าของโจทก์และจำเลยมีลักษณะเหมือนหรือเกือบเหมือนกัน ให้โจทก์จำเลยไปทำความตกลงกันหรือนำคดีมาสู่ศาล โจทก์และจำเลยจึงได้ฟ้องเป็นคดีนี้ ปัญหาในชั้นฎีกามีว่า โจทก์หรือจำเลยจะมีสิทธิในเครื่องหมายการค้ารูปมดพิพาทดีกว่ากัน เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 มาตรา 27บัญญัติไว้ความว่า บุคคลผู้ใดได้จดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น ท่านให้ถือเป็นเจ้าของ มีสิทธิผู้เดียวเพื่อใช้เครื่องหมายสำหรับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้มาตรา 29 วรรคแรก บัญญัติความว่า ผู้ใดจะนำคดีสู่ศาลเพื่อป้องกันหรือเรียกค่าเสียหายในการล่วงสิทธิเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนนั้นไม่ได้ มาตรา 35 บัญญัติไว้ความว่าการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นท่านว่าสมบูรณ์เพียงสิบปีแต่จะต่ออายุตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ก็ได้ และมาตรา 36, 37 และมาตรา 38 ว่าด้วยการต่ออายุและการเพิกถอนการจดทะเบียน ตามกฎหมายดังกล่าวมีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองเครื่องหมายการค้า ที่มีการจดทะเบียน กล่าวคือบุคคลผู้ที่ได้จดทะเบียนเครื่องหมาย การค้านั้นกฎหมายถือว่าเป็นเจ้าของมีสิทธิใช้ หากมีผู้ใด นำไปใช้โดยมิชอบก็มีสิทธิฟ้องต่อศาลเพื่อป้องกันหรือเรียก ค่าเสียหายได้ สำหรับกรณีนี้ทั้งโจทก์และจำเลยต่างแย่งกัน จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าซึ่งมีลักษณะเหมือนหรือเกือบเหมือนกันแม้จำเลยจะได้ถูกนายทะเบียนเพิกถอนการจดทะเบียนซึ่งตามบทกฎหมายดังกล่าวถือได้เพียงว่าจำเลยมิได้เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าตามนิตินัยต่อไปเท่านั้น แต่ก็ได้ความว่า จำเลยยังใช้เครื่องหมายการค้านั้นอยู่ จำเลยยังเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าโดยพฤตินัย เมื่อทั้งโจทก์และจำเลยต่างใช้และเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าพิพาทโดยพฤตินัยมาด้วยกันแต่จำเลยใช้มาก่อนย่อมมีสิทธิดีกว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า หากให้เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ถูกเพิกถอนการจดทะเบียนเพราะไม่ต่ออายุยังคงมีสิทธิในเครื่องหมายการค้านั้นต่อไปก็จะทำให้อายุการจดทะเบียนการต่ออายุและการเพิกถอนการจดทะเบียนตามที่กฎหมายกำหนดไว้ไร้ประโยชน์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเครื่องหมายการค้าที่ไม่ต่ออายุการจดทะเบียนจนนายทะเบียนเพิกถอนเครื่องหมายการค้าเสียจากทะเบียนนั้น ทำให้ผู้เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่ได้รับความคุ้มครองอย่างเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนเท่านั้น แต่สิทธิในเครื่องหมายการค้าที่ไม่จดทะเบียนยังคงมีอยู่ อีกทั้งหากมีการแสดงเครื่องหมายการค้าที่มิได้จดทะเบียนว่าเป็นเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนหรือขายหรือเสนอขายสินค้าซึ่งมีเครื่องหมายที่ตนรู้อยู่ว่าเป็นเท็จย่อมมีความผิดและอาจได้รับโทษตาม มาตรา 45แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 ได้ ดังนั้นการที่กฎหมายกำหนดเรื่องอายุการจดทะเบียน การต่ออายุและการจดทะเบียนไว้หาได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียวดังที่โจทก์ฎีกาไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาว่าจำเลยมีสิทธิในเครื่องหมายการค้ารูปมดพิพาทดีกว่าโจทก์และไม่กำหนดค่าเสียหายให้แก่โจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน