แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยฟันทำร้าย ส. ได้รับบาดแผล 3 แห่ง คือ ที่ศีรษะด้านขวายาวประมาณ 8 เซนติเมตร ลึกถึงกะโหลกศีรษะ ที่เต้านมข้างซ้ายยาวประมาณ 8 เซนติเมตร ลึก 3 เซนติเมตร และที่รักแร้ขวาและหน้าอกยาว 8 เซนติเมตร ซึ่งล้วนเป็นบาดแผลที่อวัยวะอันเป็นส่วนสำคัญของร่างกายทั้งสิ้น อาวุธที่ใช้ในการกระทำผิดก็เป็นขวานขนาดใหญ่คมขวานกว้างประมาณ 3 นิ้วฟุต ด้ามยาวประมาณ 1 ศอก สามารถฟันทำร้ายถึงตายได้โดยง่าย กิริยาที่จำเลยกระทำก็ปรากฏจากลักษณะบาดแผลดังกล่าวมาแล้วว่าเป็นการฟันโดยแรง ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีผู้เสียหายก็อาจถึงแก่ความตายได้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้มีว่าคนร้ายที่ใช้ขวานเป็นอาวุธฟันทำร้ายนางสุรินทร์คือจำเลยนี้หรือไม่ปรากฏว่านางสุรินทร์เคยรู้จักจำเลยมาก่อนเป็นอย่างดีเพราะเป็นสามีของนางฉวีวรรณ บุตรบุญธรรมของตนทั้งไม่ปรากฏว่าเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน ไม่มีเหตุที่จะระแวงสงสัยว่าจะเป็นการแกล้งเบิกความปรักปรำเพื่อใส่ร้ายจำเลย การที่นางสุรินทร์ได้เห็นหน้าคนร้ายซึ่งเป็นคนรู้จักมาก่อนเป็นอย่างดีตามพฤติการณ์ในคดีนี้คือ เห็นในระยะใกล้แทบจะติดตัวกันท่ามกลางแสงพระจันทร์ ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ในระยะเกือบเต็มดวงเพราะคืนเกิดเหตุเป็นคืนแรม 3 ค่ำ เดือน 4 พระจันทร์ขึ้นเวลา 20.24 นาฬิกาตกเวลา 8.24 นาฬิกา และเห็นเป็นเวลานานคือนอกจากเห็นในตอนแรกแล้วจำเลยยังไล่ฟันนางสุรินทร์ไปอีกระยะหนึ่ง นางสุรินทร์ย่อมมีเวลาที่จะจดจำคนร้ายได้อย่างไม่ผิดพลาด เมื่อไปถึงบ้านนายประชุมแล้วก่อนที่นายอภิชาตินำขึ้นรถจักรยานยนต์ไปส่งโรงพยาบาล นางสุรินทร์ก็ระบุต่อนายอภิชาติว่าถูกจำเลยฟันแสดงให้เห็นว่านางสุรินทร์จำคนร้ายได้จริง ที่นางสุรินทร์ยืนยันว่าคนร้ายที่ใช้ขวานเป็นอาวุธฟันตนคือจำเลยนี้จึงเชื่อถือรับฟังได้ ที่จำเลยนำสืบต่อสู้อ้างฐานที่อยู่มานั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่ายังไม่มีน้ำหนักพอที่จะรับฟังมาหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ที่จำเลยฎีกาทำนองว่า การกระทำในคดีนี้ยังไม่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนานั้น ได้ความว่าผู้เสียหายได้รับบาดแผล 3 แห่ง คือ ที่ศีรษะด้านขวา ยาวประมาณ 8 เซนติเมตรลึกถึงกะโหลกศีรษะ ที่เต้านมข้างซ้ายยาวประมาณ 8 เซนติเมตรลึก 3 เซนติเมตร และแผลที่รักแร้ขวาและหน้าอกยาวประมาณ 8 เซนติเมตรซึ่งล้วนแต่เป็นบาดแผลที่อวัยวะอันเป็นส่วนสำคัญของร่างกายทั้งสิ้น อาวุธที่ใช้ในการกระทำผิดก็เป็นขวานขนาดใหญ่ คมขวานกว้างประมาณ 3 นิ้วฟุต ด้ามยาวประมาณ 1 ศอก สามารถทำร้ายให้ถึงตายได้โดยง่าย กิริยาที่จำเลยกระทำก็ปรากฏจากลักษณะบาดแผลดังกล่าวมาแล้วว่าเป็นการฟันโดยแรง ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีผู้เสียหายก็อาจถึงแก่ความตายได้ เหล่านี้แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบกับ มาตรา 80 นั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน