แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำส่งสำเนาคำร้องขอให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ให้โจทก์ภายใน 7 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งคำร้องจำเลยมิได้นำส่ง เป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดถือได้ว่าจำเลยทิ้งคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) แม้จำเลยจะมิได้จงใจทิ้งคำร้องก็ไม่มีกฎหมายให้ศาลยกขึ้นพิจารณาใหม่ได้ จำเลยกล่าวในคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินและในฎีกาว่าขอให้ศาลกรุณาสั่งขยายระยะเวลาการวางเงินที่จำเลยต้องเสียแทนโจทก์และค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ต่อไป ดังนี้ หาใช่คำร้องขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23ซึ่งเป็นเรื่องที่จะทำได้เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษไม่ แต่เป็นเรื่องขอให้ศาลฎีกาใช้อำนาจทั่วไปที่มีอยู่กำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียมให้ใหม่
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและรับเงินค่าที่ดินที่ค้างอยู่ หากจำเลยไม่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ก็ให้จำเลยคืนเงินทั้งหมดและชำระค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 47,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์จำเลยยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำส่งสำเนาคำร้องภายใน 7 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งคำร้อง จำเลยไม่นำส่งภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดศาลชั้นต้นจึงสั่งว่า จำเลยทิ้งคำร้องขออุทธรณ์อย่างอนาถา ให้จำเลยนำค่าฤชาธรรมเนียมมาวางศาลภายใน 3 วัน มิฉะนั้นถือว่าไม่ติดใจอุทธรณ์ จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนว่า จำเลยมิได้จงใจทิ้งคำร้อง ขอให้ศาลไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ และขอขยายระยะวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องทั้งสองฉบับ จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยนำค่าฤชาธรรมเนียมที่ใช้คืนโจทก์และค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์มาวางศาลภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันทราบหรือถือว่าทราบคำสั่งนี้นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาและขอให้ขยายระยะเวลาวางเงิน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีคงมีปัญหาเพียงว่า ศาลสมควรไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ขอให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่และสั่งขยายระยะเวลาการวางเงินของจำเลยหรือไม่ สำหรับข้อที่ศาลสมควรไต่สวนคำร้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่หรือไม่นั้นศาลชั้นต้นได้สั่งให้จำเลยนำส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์ภายใน 7 วันมิฉะนั้นถือว่าทิ้งคำร้องปรากฏว่าจำเลยมิได้นำส่ง ก็เป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนด จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)ที่จำเลยอ้างว่าไม่เข้าใจวิธีการส่งหมาย และเป็นคนยากจนไม่สามารถหาเงินเป็นค่านำส่งหมายได้ จำเลยไม่จงใจทิ้งคำร้องนั้น เห็นว่ากรณีจำเลยมิได้จงใจทิ้งคำร้องนั้น ไม่มีกฎหมายให้ศาลยกขึ้นพิจารณาใหม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งว่า ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำการไต่สวนอีก ให้ยกคำร้องจึงชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
สำหรับการขยายระยะเวลาให้จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าขึ้นศาลมาวางศาลนั้น จำเลยกล่าวในคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินและในฎีกาว่า ขอให้ศาลกรุณาสั่งขยายระยะเวลาการวางเงินที่จำเลยต้องเสียแทนโจทก์ และค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ต่อไป เห็นว่า แม้ในฎีกาของจำเลยจะเรียกว่าขอขยายระยะเวลาแต่คงไม่ได้หมายความถึง การขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ซึ่งเป็นเรื่องที่จะทำได้เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ จำเลยมีความประสงค์เพียงว่าขอให้ศาลฎีกาใช้อำนาจทั่วไปที่มีอยู่กำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียมให้หม่ด้วย ซึ่งศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นสมควรให้เวลาแก่จำเลยได้มีโอกาสวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าขึ้นศาลได้”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ หากจำเลยติดใจจะอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นต่อไป ก็ให้นำค่าฤชาธรรมเนียมและค่าขึ้นศาลมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษานี้