แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
นารายพิพาทเดิมเป็นของ ฝ. ยกให้แก่ร. ต่อมาร.ขายนารายนี้ให้กับโจทก์ โดย ฝ. ก็รู้เห็นยินยอมด้วย โจทก์ได้เข้าครอบครองทำกินในที่นานี้แล้ว ต่อมา ฝ. โดยเจตนาจะฉ้อโกงโจทก์ได้คบคิดกับ ร. ฟ้องขอเพิกถอนการให้แม้ ฝ. จะชนะคดีโดยศาลพิพากษาให้เพิกถอนการให้ในคดีนั้น ก็จะเอาผลแห่งคำพิพากษาคดีนั้นมายันกับโจทก์ไม่ได้ กรณีไม่เข้าตามมาตรา 1431 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และไม่ใช่เป็นเรื่องลาภมิควรได้
ย่อยาว
คดี 2 สำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันมาเรียกฝ่ายนายเอียดเป็นโจทก์ ฝ่ายนางฝ้าย นายเรืองเป็นจำเลย
สำนวนแรกนางฝ้ายจำเลยฟ้องนายเอียดว่า นางฝ้ายจำเลยได้ทำนิติกรรมยกนาให้แก่นายเรืองจำเลยผู้เป็นบุตรนายเรืองทราบว่านางฝ้ายจำเลยจะฟ้องเพิกถอนการให้เพราะนายเรืองจำเลยเนรคุณและผิดสัญญายอม จึงไปประกาศขายนาให้แก่นายเอียดโจทก์ นางฝ้ายจำเลยได้ไปร้องคัดค้านแล้วฟ้องขอให้เพิกถอนการให้ตามสำนวนแพ่งคดีแดง 110/2489 ศาลพิพากษาให้นางฝ่ายจำเลยชนะ แต่นายเอียดโจทก์เข้าทำนารายพิพาทเสียก่อน จึงขอค่าเสียหาย นายเอียดโจทก์ให้การว่า นายเรืองจำเลยได้ขายนาให้แก่นายเอียดโจทก์และได้รับเงินมัดจำไปแล้ว นายเรืองจำเลยยอมให้นายเอียดโจทก์เข้าครอบครองทำประโยชน์ต่อไปพลางก่อน
สำนวนหลัง นายเอียดโจทก์ฟ้องนายเรืองนางฝ้ายจำเลยว่านายเรืองจำเลยทำกรมธรรม์กู้เงินนายเอียดโจทก์เพื่อเอาไปให้นางฝ้ายจำเลยตามสัญญายอมความคดีแดง 171/2488 และชำระหนี้รายอื่นนายเรืองจำเลยโดยความรู้เห็นยินยอมของนางฝ้ายจำเลย ได้ทำสัญญาจะขายที่นารายพิพาทให้แก่นายเอียดโจทก์ โดยเอาหนี้เงินกู้เป็นมัดจำและยอมให้นายเอียดโจทก์ปกครองทำประโยชน์ ต่อมานางฝ้ายนายเรืองจำเลยได้คบคิดกันฟ้องขอให้เพิกถอนการให้ตามคดีแดง 110/2489 เพื่อแบ่งสิทธิครอบครองที่พิพาทไปจากนายเอียดโจทก์โดยมิเป็นธรรม จึงขอให้ห้ามอย่าให้นางฝ้ายมารบกวนสิทธิครอบครองของนายเอียดโจทก์ หรือมิฉะนั้นให้นายเรืองนางฝ้ายช่วยกันใช้เงินมัดจำนายเรืองจำเลยให้การว่า ไม่ได้คบคิดกับนางฝ้ายจำเลยฟ้องเพิกถอนการให้ นอกนั้นรับตามฟ้อง นางฝ้ายจำเลยปฏิเสธว่าจำเลยฟ้องขอให้เพิกถอนการให้โดยสุจริต จำเลยมิได้รู้เห็นยินยอมกับนายเรืองไปทำสัญญากับโจทก์ ที่รายพิพาทเป็นของจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามมิให้นางฝ้ายจำเลยรบกวนขัดขวางสิทธิครอบครองของโจทก์ต่อไปอีก ยกฟ้องของนางฝ้าย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นายแจ้ง นายรุ่งผู้รับมรดกความนางฝ้าย ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์ได้รับซื้อที่รายนี้ไว้จากนายเรืองโดยสุจริต นางฝ้ายจำเลยก็รู้เห็นยินยอมด้วยโจทก์ได้เข้าครอบครองทำกินในที่รายพิพาทตามสัญญาซื้อขายแล้วภายหลังนางฝ้ายจำเลยคบคิดกับบุตร และบุตรเขยรวมทั้งนายเรืองจำเลยเพื่อจะฉ้อโกงโจทก์ และขณะนี้นายเรืองเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวดังนี้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1431 เรื่องภาระติดพันที่จำเลยอ้างยกขึ้นมาปรับแก่คดี 2 เรื่องนี้ไม่ได้และปรับเรื่องลาภมิควรได้ก็ไม่ได้ เพราะนางฝ้ายจำเลยได้รู้เห็นยินยอมให้นายเรืองจำเลยขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ และนางฝ้ายจำเลยฟ้องขอถอนคืนการให้เพื่อจะฉ้อโกงโจทก์ จำเลยจึงไม่มีอำนาจอ้างเอาผลแห่งคำพิพากษาคดีแดง 110/2489 มายันโจทก์
พิพากษายืน