แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524มาตรา56วรรคแรกไม่ได้บัญญัติวิธีการในการแจ้งให้ทราบถึงคำวินิจฉัยคชก.ว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรหรือจะต้องทำเป็นหนังสือทางการหรือไม่ดังนั้นหากผู้เช่านาทราบคำวินิจฉัยคชก.ตำบลแล้วไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ต้องเริ่มนับระยะเวลาที่ต้องยื่นอุทธรณ์ภายใน30วัน โจทก์ที่1ทราบคำวินิจฉัยคชก.ตำบลแล้วในวันเดียวกันโจทก์ที่1บอกให้โจทก์ที่2ทราบคำวินิจฉัยคชก.ตำบลจึงต้องถือว่าโจทก์ที่2ได้ทราบคำวินิจฉัยของคชก.ตำบลเช่นเดียวกันโจทก์ทั้งสองจะต้องยื่นอุทธรณ์ต่อคชก.จังหวัดภายใน30วันนับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยของคชก.ตำบลแม้ต่อมาคชก.ตำบลจะมีหนังสือแจ้งคำวินิจฉัยให้โจทก์ทั้งสองทราบในภายหลังอีกก็หาเป็นผลให้โจทก์ทั้งสองอ้างเป็นเหตุให้เริ่มนับระยะเวลาอุทธรณ์ใหม่นับแต่วันได้รับหนังสือดังกล่าวอีกได้ไม่เมื่อโจทก์ทั้งสองอุทธรณ์เกินกว่า30วันนับแต่วันทราบคำวินิจฉัยแต่แรกเป็นการฝ่าฝืนมาตรา56วรรคแรกคำวินิจฉัยของคชก.ตำบลจึงเป็นที่สุดตามมาตรา56วรรคสองคชก.จังหวัดไม่มีอำนาจวินิจฉัยเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของคชก.ตำบลตามที่โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์การที่คชก.จังหวัดได้ลงมติและวินิจฉัยอีกจึงเป็นคำวินิจฉัยที่ปราศจากอำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมายถือว่าคำวินิจฉัยของคชก.ตำบลที่ให้โจทก์ทั้งสองเลิกการเช่านาเป็นที่สุดแล้วโจทก์ทั้งสองไม่มีอำนาจฟ้องหรือร้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ทำนาในที่นาต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นผู้เช่าที่ดินโฉนดเลขที่ 694 ตำบลบางน้ำเปรี้ยว อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 45 ไร่ 3 งาน 80 ตารางวา จากนายหะอีอุสมานแฉล้มวารี และนางฟี แฉล้มวารี เพื่อทำนา เมื่อวันที่ 11 มกราคม2532 คชก. ตำบลบางน้ำเปรี้ยวได้ประชุมลงมติวินิจฉัยให้โจทก์ทั้งสองเลิกการเช่านาดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2532เป็นต้นไป ทั้งนี้โดยมิได้มีการแจ้งเป็นหนังสือบอกเลิกการเช่านาให้โจทก์ทั้งสองทราบก่อนตามกฎหมายและการแจ้งกำหนดนัดประชุมคชก.ตำบลบางน้ำเปรี้ยว กำหนดระยะเวลากระชั้นชิด ไม่เปิดโอกาสให้โจทก์ทั้งสองใช้สิทธิที่จะคัดค้านได้ เป็นการไม่ชอบต่อมาเลขานุการ คชก. ตำบลบางน้ำเปรี้ยว มีหนังสือลงวันที่ 6กุมภาพันธ์ 2532 แจ้งให้โจทก์ทั้งสองทราบคำวินิจฉัยดังกล่าวส่งถึงโจทก์ทั้งสองเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2532 และวันที่6 มีนาคม 2532 โจทก์ทั้งสองได้ยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลบางน้ำเปรี้ยว ดังกล่าว ต่อ คชก. จังหวัดฉะเชิงเทรา คชก.จังหวัดฉะเชิงเทราได้ประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2532แต่ยังไม่มีคำวินิจฉัยและได้ประชุมมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 13กันยายน 2532 ว่า คำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลบางน้ำเปรี้ยวชอบแล้วและอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองล่วงเลยกำหนดระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไม่มีผลเป็นการอุทธรณ์ตามกฎหมาย การพิจารณาลงมติวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยจำเลยทั้งสิบสี่เป็นกรรมการในการประชุมคราวนั้นกระทำโดยมิชอบ กล่าวคือ การบอกเลิกการเช่านาต่อโจทก์ทั้งสองไม่ได้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย โจทก์ทั้งสองไม่ได้ทำให้ที่นาพิพาทเปลี่ยนแปลงเสียสภาพนาไปและการพิจารณาวินิจฉัยข้อเท็จจริงต่าง ๆ นั้นจำเลยทั้งสิบสี่มิได้พิจารณาตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองให้ครบถ้วน แต่พิจารณาจากพยานหลักฐานฝ่ายผู้ให้เช่านาเพียงฝ่ายเดียว และในเรื่องระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองนั้นก็ได้ยื่นภายในกำหนดระยะเวลา30 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งให้ทราบคำสั่ง และไม่เกิน 60 วันนับแต่วันที่ คชก. ตำบลบางน้ำเปรี้ยวมีคำวินิจฉัย เป็นการอุทธรณ์ภายในกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดทุกประการแล้วขอให้เพิกถอนมติของจำเลยทั้งสิบสี่เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2532ที่วินิจฉัยว่า คำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลบางน้ำเปรี้ยวชอบแล้วและอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองไม่มีผลเป็นการอุทธรณ์ตามกฎหมายและให้โจทก์ทั้งสองได้ทำนาในที่นาพิพาทต่อไปอีกอย่างน้อย 2 คราว
จำเลยทั้งสิบสี่ให้การว่า คชก. จังหวัดฉะเชิงเทราได้ประชุมลงมติ มีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับกรณีเช่านาพิพาทของโจทก์ทั้งสองโดยชอบทุกประการเพราะได้มีการแจ้งบอกเลิกการเช่านาเป็นหนังสือไปยังโจทก์ทั้งสอง มีการแจ้งนัดประชุมให้โจทก์ทั้งสองเข้าร่วมประชุมและมีโอกาสคัดค้านการบอกเลิกการเช่านา แต่ปรากฏว่าโจทก์ทั้งสองได้ทำถนนและขุดบ่อเลี้ยงปลาในที่นาพิพาท ทำให้สภาพนาเสื่อมเสียเปลี่ยนแปลงไป อันเป็นเหตุให้เจ้าของนาพิพาทมีสิทธิบอกเลิกการเช่าได้ คชก. ตำบลบางน้ำเปรี้ยวจึงพิจารณาและมีมติวินิจฉัยให้เลิกการเช่านาโดยชอบเมื่อวันที่ 11 มกราคม2532 ซึ่งวันนั้นโจทก์ทั้งสองเข้าร่วมประชุมและทราบมติคำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลบางน้ำเปรี้ยวแล้ว แต่โจทก์ทั้งสองได้ยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2532 เกินกว่าระยะเวลา30 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ ไม่มีผลตามกฎหมาย โจทก์ทั้งสองไม่มีอำนาจขอให้เพิกถอนมติซึ่งจำเลยทั้งสิบสี่ในฐานะ คชก. จังหวัดฉะเชิงเทราลงมติวินิจฉัยไปตามฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดฉะเชิงเทราเกี่ยวกับการเช่านาพิพาทของโจทก์ทั้งสองที่วินิจฉัยเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2532 คำขอให้โจทก์ทั้งสองได้ทำนาในที่นาพิพาทต่อไปให้ยก
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า ให้โจทก์ทั้งสองได้ทำนาในที่นาพิพาทต่อไป คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสิบสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ทั้งสองได้เช่านาพิพาทจากนายหะยีอุสมานหรือเสรี แฉล้มวารี และนางฟีแฉล้มวารี ต่อมาวันที่ 11 มกราคม2532 คชก. ตำบลบางน้ำเปรี้ยวมีมติให้โจทก์ทั้งสองเลิกเช่านาพิพาท โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ต่อคชก. จังหวัดฉะเชิงเทรา วันที่ 6 มีนาคม 2532 คชก. จังหวัดฉะเชิงเทราประชุมเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2532 และมีความเห็นว่ามติของ คชก. ตำบลบางน้ำเปรี้ยวถูกต้องแล้ว และอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองยื่นเกินกำหนด 30 วัน จึงไม่มีผลเป็นอุทธรณ์ตามกฎหมายมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสิบสี่ ข้อแรกว่า โจทก์ทั้งสองยื่นอุทธรณ์เกินกำหนดหรือไม่ ในปัญหานี้ ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 56 วรรคแรกบัญญัติว่า “ผู้เช่านา ผู้เช่าช่วงนา หรือผู้ให้เช่านาที่เป็นคู่กรณี หรือผู้มีส่วนได้เสียในการเช่านาอาจอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.ตำบล ต่อ คชก. จังหวัดได้ โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อประธาน คชก. ตำบล ภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยของ คชก. ตำบล แต่ต้องไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่คชก. ตำบลได้มีคำวินิจฉัย” ซึ่งตามพระราชบัญญัตินี้ไม่ได้บัญญัติวิธีการในการแจ้งให้ทราบคำวินิจฉัยดังกล่าวว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไร หรือจะต้องทำเป็นหนังสือทางการหรือไม่ ฉะนั้นหากปรากฏว่าผู้เช่านาทราบคำวินิจฉัย คชก. ตำบลแล้วไม่ว่าด้วยเหตุใด ก็ต้องเริ่มนับระยะเวลาที่ต้องยื่นอุทธรณ์ภายใน30 วัน สำหรับข้อเท็จจริงในคดีนี้ได้ความจากคำเบิกความของโจทก์ทั้งสองว่า ในวันที่ คชก. ตำบลบางน้ำเปรี้ยวประชุมลงมติคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2532 โจทก์ทั้งสองได้เดินทางไปยังสถานที่ประชุม โจทก์ที่ 1 ร่วมประชุมอยู่ จนกระทั่งคณะกรรมการ คชก. ตำบลลงมติวินิจฉัยดังกล่าว ดังนี้โจทก์ที่ 1ย่อมทราบคำวินิจฉัยในขณะนั้นแล้ว และต่อมาในเย็นวันเดียวกันนั้นโจทก์ที่ 1 ก็บอกให้โจทก์ที่ 2 ทราบคำวินิจฉัยดังกล่าว จึงเป็นข้อบ่งชี้ว่า โจทก์ที่ 2 ได้ทราบคำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลเช่นเดียวกัน โจทก์ทั้งสองจะต้องยื่นอุทธรณ์ต่อ คชก. จังหวัดภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลคือวันที่11 มกราคม 2532 แม้ต่อมา คชก. ตำบลบางน้ำเปรี้ยวจะมีหนังสือแจ้งคำวินิจฉัยให้โจทก์ทั้งสองทราบในภายหลังอีก ก็หาเป็นผลให้โจทก์ทั้งสองอ้างเป็นเหตุให้เริ่มนับระยะเวลาอุทธรณ์ใหม่นับแต่วันได้รับหนังสือดังกล่าวอีกได้ไม่ ดังนั้นเมื่อโจทก์ยื่นอุทธรณ์ในวันที่ 6 มีนาคม 2532 จึงเกินกว่า 30 วัน นับแต่วันที่11 มกราคม 2532 ที่โจทก์ทั้งสองทราบคำวินิจฉัยแต่แรก อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 56 วรรคแรก คำวินิจฉัยของคชก. ตำบลบางน้ำเปรี้ยวจึงเป็นที่สุดตามมาตรา 56 วรรคสองด้วยเหตุนี้ คชก. จังหวัดฉะเชิงเทราไม่มีอำนาจวินิจฉัยเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลดังกล่าวตามที่โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์การที่ คชก. จังหวัดได้ลงมติและวินิจฉัยเรื่องนี้อีก จึงเป็นคำวินิจฉัยที่ปราศจากอำนาจ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีต้องถือว่าคำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลบางน้ำเปรี้ยวที่ให้โจทก์ทั้งสองเลิกการเช่านาเป็นที่สุดแล้ว โจทก์ทั้งสองไม่มีอำนาจฟ้องหรือร้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ทำนาในที่นาพิพาทต่อไป”
พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง