แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นต้นเหตุของเรื่อง หลังจากจำเลยถูกตีแล้วก็กลับไปนำ บ. และพวกมาก่อเหตุที่บ้านโจทก์ร่วมที่ 2 เมื่อ บ.ยิงผู้ตายและโจทก์ร่วมที่ 2 แล้ว จำเลยก็ร้องตะโกนให้ฆ่าฝ่ายโจทก์ร่วมที่ 2 เป็นเชิงให้กำลังใจ และรับรองการกระทำของ บ. จากนั้นก็พากันหลบหนีไปพร้อมกัน การกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเป็นตัวการ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายชาญ บ่อทราย นายวัน บ่อทราย ผู้เสียหายหลายนัดโดยมีเจตนาฆ่าและร่วมกันใช้ไม้ทุบตีกับชก ต่อย เตะ ถีบผู้เสียหายดังกล่าวกับนางสุพิน สวนหลวง นางไปล่ บ่อทราย นางแปลกโปรยอรุณ นางสาววิภารัตน์ สวนหลวง นางสาวปริม สวนหลวงเด็กชายชาลี สวนหลวง นางฉวีรัตน์ บ่อทราย เด็กชายราเชษฐ์ บ่อทรายเด็กหญิงโนห์รา บ่อทราย เด็กหญิงสำเร บ่อทราย และเด็กชายเกียรติชัย บ่อทราย ผู้เสียหาย ถูกตามร่างกายหลายแห่ง เป็นเหตุให้นายชาญถึงแก่ความตาย นายวันหรือสังวาลย์ถูกกระสุนปืนส่วนที่ไม่สำคัญได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กาย ผู้เสียหายอื่นที่ถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กายทุกคน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 80, 83, 288, 295 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
นางฉวีรัตน์หรือฉวีรัต บ่อทราย และนายวัน บ่อทราย ผู้เสียหายขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 และ 295 ประกอบมาตรา 83 ให้ลงโทษบทหนักตามมาตรา288 จำคุกตลอดชีวิต ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในกรณีที่จำเลยมีพฤติการณ์ซึ่งเป็นต้นเหตุของเรื่องหลังจากถูกโจทก์ร่วมที่ 2 ตีแล้ว ก็นำนายบุญเลิศและพวกมาก่อเหตุที่บ้านโจทก์ร่วมที่ 2 เมื่อนายบุญเลิศยิงผู้ตายและโจทก์ร่วมที่ 2 แล้ว จำเลยก็ร้องตะโกนให้ฆ่าฝ่ายโจทก์ร่วมที่ 2 เป็นเชิงให้กำลังใจและรับรองการกระทำของนายบุญเลิศ จากนั้นก็พากันหลบหนีไปพร้อมกัน การกระทำดังกล่าวของจำเลยจึงเข้าลักษณะเป็นตัวการและมีความผิดตามฟ้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 20 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์