แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พยานโจทก์รับจ้างมาเบิกความ ควรรับฟังอย่างระมัดระวัง
การที่พยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิด เช่นนี้เป็นเหตุลักษณะคดีแม้ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยบางคน เพราะไม่ยื่นมาภายในกำหนดเวลาศาลฎีกาก็พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ สำหรับจำเลยผู้นั้นได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา นางสาวเบ็ญจวรรณ โดยใช้มีดเป็นอาวุธและร่วมกันแทงฆ่านางสาวเบ็ญจวรรณโดยเจตนา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๙๑, ๒๗๖, ๒๘๘, ๒๘๙(๗)
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสี่มีความผิดตามฟ้อง ลงโทษประหารชีวิตในฐานฆ่าผู้อื่น
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ และที่ ๔ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ขณะเกิดเหตุไม่มีผู้รู้เห็นเหตุการณ์ โจทก์มีแต่พยานแวดล้อมมาสืบ พยานโจทก์จำสีรถยนต์ที่จอดข้างถนนบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุได้ขณะที่พยานนั่งรถแท็กซี่ผ่าน เป็นการผิดวิสัย และพยานรับจ้างมาเบิกความควรรับฟังอย่างระมัดระวัง พยานหลักฐานโจทก์เป็นพิรุธและน่าระแวงสงสัย บางอย่างขัดแย้งต่อเหตุผลฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสี่กระทำความผิด แม้ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยที่ ๒ เพราะไม่ยื่นมาภายในกำหนดเวลา แต่การที่พยานหลักฐานของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิด เป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ ๒ ด้วยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๒๑๓, ๒๒๕
พิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยทั้งสี่