แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องโจทก์กล่าวในตอนต้นว่า ระหว่างสมาคมพาณิชย์จีนโดยหลวงอนุภาษภูเก็ตการเป็นนายก โจทก์ แล้วดำเนินความว่า’ข้าพเจ้าสมาคมพาณิชย์จีนโดยหลวงอนุภาษภูเก็ตการ นายกโจทก์ฯลฯ ขอยื่นฟ้องนายอิวหงีแซ่เอียบ จำเลย ฯลฯ ข้อ 1 โจทก์ได้รับอนุญาตจดทะเบียนเป็นสมาคม มีนามว่า’สมาคมพาณิชย์จีน ภูเก็ต’ ดังนี้ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์
ย่อยาว
คดีนี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกัน ให้ปรับจำเลยฐานหมิ่นประมาทโจทก์ อันเป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 282
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อกฎหมายว่า ในช่องคู่ความ คดีระหว่าง “สมาคมพาณิชย์จีน” โดยหลวงอนุภาษเป็นนายกแต่ในคำฟ้องว่า โจทก์ คือ “สมาคมพาณิชย์จีนภูเก็ต” นั้นเป็นฟ้องสมบูรณ์หรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์กล่าวในตอนต้นว่า ระหว่างสมาคมพาณิชย์จีน โดยหลวงอนุภาษภูเก็ตการเป็นนายก โจทก์แล้วดำเนินความว่า “ข้าพเข้าสมาคมพาณิชย์จีน โดยหลวงอนุภาษภูเก็ตการ นายกโจทก์ ฯลฯ ขอยื่นฟ้องนายลิวหงี แซ่เอียบ จำเลย ฯลฯ ข้อ 1 โจทก์ได้รับอนุญาตจดทะเบียนเป็นสมาคม มีนามว่า “สมาคมพาณิชย์จีนภูเก็ต”นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ชื่อตอนต้นเป็นชื่อย่อของโจทก์ โดยยังมิได้กล่าวสร้อยนาม คือคำว่า “ภูเก็ต” ลงไปเท่านั้น ที่จำเลยฎีกาว่าชื่อตอนต้นกับตอนหลังเป็นบุคคลคนละคน ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน