แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนดที่ดิน จำเลยเก็บรักษาโฉนดที่ดินไว้ โจทก์ขอโฉนดที่ดินคืน จำเลยไม่ยอมคืนขอให้บังคับจำเลยคืนโฉนดที่ดินให้โจทก์ ดังนี้ เมื่อโฉนดที่ดินมีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ซึ่งจากข้อความที่ระบุในโฉนดที่ดินได้ความว่า ทางราชการออกโฉนดที่ดินให้ไว้แก่โจทก์ ถือได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของโฉนดที่ดินนั้น ส่วนที่จำเลยให้การว่าที่ดินตามโฉนดที่ดินเป็นทรัพย์มรดกของบิดาของโจทก์จำเลยตกได้แก่โจทก์จำเลยและทายาทอื่นนั้น เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกโฉนดที่ดินคืนโดยไม่ได้ขอให้บังคับคดีในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินตามโฉนดที่ดิน และจำเลยก็ไม่ได้ฟ้องแย้งขอให้บังคับคดีในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินตามโฉนดที่ดินนั้นคดีไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าที่ดินตามโฉนดที่ดินเป็นทรัพย์มรดกของบิดาของโจทก์จำเลยตกได้แก่โจทก์จำเลยและทายาทอื่นดังคำให้การของจำเลยหรือไม่ และแม้จะฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นดังคำให้การของจำเลย ก็ไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิยึดถือเอาโฉนดที่ดินของโจทก์ไว้ เพราะข้ออ้างดังกล่าวเป็นเพียงเหตุที่ทำให้คู่ความอาจไปใช้สิทธิดำเนินการเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก โจทก์จึงมีสิทธิเรียกโฉนดที่ดินคืนจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1336 โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า หากจำเลยไม่ยอมคืนโฉนดที่ดินให้โจทก์ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งศาลหรือถ้าเป็นการพ้นวิสัยที่จะคืน ขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกโฉนดที่ดินฉบับเจ้าของที่ดินเดิม แล้วมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินฉบับใหม่แทนให้โจทก์โดยคิดค่าใช้จ่ายจากจำเลยนั้น โจทก์จะขอให้บังคับคดีดังกล่าวไม่ได้เพราะเป็นการขอให้บังคับเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นบุคคลนอกคดี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 5564 พร้อมอาคาร จำเลยเป็นน้องสาวของโจทก์ อาศัยอยู่ในบ้านและที่ดินดังกล่าวของโจทก์ร่วมกับมารดาของโจทก์จำเลยตลอดมา โฉนดที่ดินดังกล่าวโจทก์ได้ฝากมารดาไว้ ต่อมาเมื่อประมาณ 8 ปีมาแล้ว มารดาถึงแก่กรรมจำเลยเก็บรักษาโฉนดที่ดินไว้ ครั้นเมื่อต้นปี 2529 โจทก์ขอโฉนดที่ดินคืนจากจำเลย จำเลยไม่ยอมคืนให้ ขอให้บังคับจำเลยคืนโฉนดที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ หากจำเลยไม่ยอมคืนให้โจทก์ภายในกำหนด 7 วันนับแต่วันทราบคำสั่งศาลหรือเป็นการพ้นวิสัยที่จะคืน ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ยกเลิกโฉนดฉบับเจ้าของที่ดินเดิม แล้วมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดฉบับใหม่แทนให้โจทก์โดยคิดค่าใช้จ่ายจากจำเลย
จำเลยให้การว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 5564 พร้อมอาคาร เป็นของบิดาของโจทก์จำเลย แต่บิดาเป็นบุคคลต่างด้าวจึงซื้อที่ดินดังกล่าวโดยให้ใส่ชื่อโจทก์ไว้ก่อน บิดามารดาพร้อมทั้งโจทก์จำเลยและทายาทได้ครอบครองที่ดินและอาคารนี้ร่วมกันตลอดมา ต่อมาบิดาถึงแก่กรรมโจทก์จำเลยพร้อมมารดาและทายาทก็ได้ครอบครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวอันเป็นมรดกของบิดาร่วมกันมา ครั้นเมื่อมารดาถึงแก่กรรมโจทก์จำเลยและทายาทก็ยังครอบครองที่ดินและอาคารร่วมกันมามิได้แบ่งปันกัน จำเลยได้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้แล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกโฉนดที่ดินที่พิพาทจากจำเลยเพราะเป็นทรัพย์มรดกของบิดามารดาของโจทก์จำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าโจทก์กับจำเลยเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ที่ดินโฉนดเลขที่5564 แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร มีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ปรากฏตามโฉนดที่ดินเอกสารหมาย ล.5มีปัญหาที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีสิทธิเรียกโฉนดที่ดินเอกสารหมาย ล.5 คืนจากจำเลยหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า จากข้อความที่ระบุในโฉนดที่ดินเอกสารหมาย ล.5 ได้ความว่าทางราชการออกโฉนดที่ดินดังกล่าวให้ไว้แก่โจทก์ ถือได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของโฉนดที่ดินนั้น ส่วนที่จำเลยให้การว่าที่ดินตามโฉนดที่ดินดังกล่าวเป็นทรัพย์มรดกของบิดาของโจทก์จำเลยตกได้แก่โจทก์จำเลยและทายาทอื่นนั้น เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกโฉนดที่ดินเอกสารหมาย ล.5 คืนจากจำเลย โดยไม่ได้ขอให้บังคับคดีในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินโฉนดที่ดินดังกล่าว และจำเลยก็ไม่ได้ฟ้องแย้งขอให้บังคับคดีในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินตามโฉนดที่ดินนั้น คดีไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าที่ดินตามโฉนดที่ดินตามเอกสารหมาย ล.5 เป็นทรัพย์มรดกของบิดาของโจทก์จำเลยตกได้แก่โจทก์จำเลยและทายาทอื่นดังคำให้การของจำเลยหรือไม่ และแม้จะฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นดังคำให้การของจำเลยก็ไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิยึดถือเอาโฉนดที่ดินเอกสารหมาย ล.5ของโจทก์ไว้ เพราะข้ออ้างดังคำให้การของจำเลยดังกล่าวเป็นเพียงเหตุที่ทำให้คู่ความอาจไปใช้สิทธิดำเนินการเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากคดีนี้ และด้วยเหตุดังวินิจฉัยแล้ว จึงเห็นว่าโจทก์มีสิทธิเรียกโฉนดที่ดินเอกสารหมาย ล.5 คืนจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น แต่ที่โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า หากจำเลยไม่ยอมคืนโฉนดที่ดินให้โจทก์ภายในกำหนด7 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งศาล หรือถ้าเป็นการพ้นวิสัยที่จะคืนขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกโฉนดฉบับเจ้าของที่ดินเดิม แล้วมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดฉบับใหม่แทนให้โจทก์โดยคิดค่าใช้จ่ายจากจำเลยนั้น เห็นว่าโจทก์จะขอให้บังคับคดีดังกล่าวไม่ได้ เพราะเป็นการขอให้บังคับเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นบุคคลนอกคดี”
พิพากษากลับ ให้จำเลยคืนโฉนดที่ดินเลขที่ 5564 แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ให้โจทก์คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก