คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3423/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนังสือที่ ด. ผู้จัดการดูแลอู่ซ่อมรถยนต์สาขาของบริษัทจำเลยมีถึง พ. ผู้จัดการดูแลอู่ซ่อมรถยนต์ของบริษัทจำเลยที่สำนักงานใหญ่เพียงประสงค์ให้บริษัทจำเลยดำเนินการทางวินัยต่อโจทก์และไม่ยอมให้โจทก์ทำงานที่เดิมต่อไปเท่านั้น บริษัทจำเลยเป็นนิติบุคคลการเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นอำนาจของผู้มีอำนาจกระทำการแทนหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้กระทำการแทน ไม่ปรากฏว่า ด. ได้รับมอบหมายจากผู้มีอำนาจกระทำการแทน จึงไม่อยู่ในฐานะเป็นนายจ้าง ไม่มีอำนาจที่จะเลิกจ้างโจทก์ได้ การที่ ด. ไม่ยอมให้โจทก์ทำงานอยู่ที่เดิมเป็นเพียงเรื่องระหว่างพนักงานบริษัทจำเลยด้วยกันเองเท่านั้น ประกอบทั้งเมื่อ พ.ได้รับหนังสือดังกล่าว ก็ได้ให้ ท. ผู้จัดการฝ่ายบุคคลพบโจทก์เพื่อปรึกษาหารือกัน แต่ยังตกลงกันไม่ได้โจทก์ก็นำคดีมาฟ้องเสียก่อน และแม้จะเป็นจริงดังที่โจทก์นำสืบว่า ท.ได้พยายามพูดให้โจทก์ยื่นใบลาออก ก็แสดงว่าจำเลยไม่ประสงค์ให้โจทก์ทำงานกับจำเลยต่อไปเท่านั้น ยังไม่ทันเลิกจ้างโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้จ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิด ไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชย และค่าจ้างที่ค้างแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยยังไม่ได้เลิกจ้างโจทก์ โจทก์ไม่ได้ไปทำงานเองเป็นการขาดงาน จำเลยไม่ต้องรับผิดจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง

ผู้พิพากษาสมทบนายหนึ่งมีความเห็นแย้ง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า หนังสือของ ด. ผู้จัดการดูแลอู่ซ่อมรถยนต์ของบริษัทจำเลย สาขาตะวันออก ถึง พ. ผู้จัดการดูแลอู่ซ่อมรถยนต์ของจำเลยที่สำนักงานใหญ่ใช้ถ้อยคำว่า อยากจะแนะนำให้ดำเนินการกับโจทก์ อ้างเหตุว่าโจทก์ฝ่าฝืนคำสั่ง ปฏิเสธที่จะปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมาย พร้อมกันนี้ได้ให้โจทก์เดินทางมาสำนักงานใหญ่เพื่อดำเนินการทางวินัยต่อไป และแจ้งด้วยว่าไม่ต้องการให้โจทก์กลับไปทำงานที่เดิมอีก การกระทำของ ด. ที่มีหนังสือแจ้งไปเช่นนั้นเพียงประสงค์ให้บริษัทจำเลยดำเนินการทางวินัยต่อโจทก์และไม่ยอมให้โจทก์ทำงานที่เดิมต่อไปเท่านั้น คดีนี้จำเลยเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายการเลิกจ้างโจทก์อันเป็นกรณีพิพาทเป็นอำนาจของผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำการแทน ไม่ปรากฏว่า ด. ได้รับมอบหมายจากผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล ด. จึงไม่อยู่ในฐานะเป็นนายจ้างตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน ไม่มีอำนาจที่จะเลิกจ้างโจทก์ได้ การกระทำของ ด. ที่ไม่ยอมให้โจทก์ทำงานอยู่ที่เดิมเป็นเพียงเรื่องระหว่างพนักงานบริษัทจำเลยด้วยกันเองเท่านั้นประกอบทั้งเมื่อ พ. ได้รับหนังสือแจ้งจาก ด. แล้วได้ให้ ท. ผู้จัดการฝ่ายบุคคลพบกับโจทก์เพื่อปรึกษาหารือกัน แต่ยังตกลงกันไม่ได้โจทก์ก็นำคดีมาฟ้องเสียก่อน ส่วนที่โจทก์นำสืบว่า ท. ได้พยายามพูดให้โจทก์ยื่นใบลาออก ซึ่งหากเป็นจริงก็แสดงว่าจำเลยไม่ประสงค์ให้โจทก์ทำงานกับจำเลยต่อไปเท่านั้น ยังไม่ทันเลิกจ้างโจทก์

พิพากษายืน

Share