คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำเบิกความของประจักษ์พยานโจทก์ไม่น่าเชื่อ โจทก์คงมี แต่คำให้การชั้นสอบสวนของ จ.แต่เมื่อจำเลยไม่มีโอกาสได้ซักค้านจ.คำให้การชั้นสอบสวนดังกล่าวเป็นพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักมั่นคงพอฟังลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่น ได้ และเมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิด ฐานฆ่าผู้อื่นดังกล่าวแล้ว ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในข้อหา ความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และฐานพาอาวุธปืน ของจำเลยซึ่งมิได้ขึ้น มา สู่ศาลฎีกาด้วยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 เพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 91,83 (พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2526 มาตรา 4) พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา8 ทวิ, 55, 72 ทวิ, 78 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 7)พ.ศ. 2522 มาตรา 5, 6, 8 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 7 กฎกระทรวง ฉบับที่ 11(พ.ศ. 2522) ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2522 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา8 ทวิ วรรคแรก, 55, 72 ทวิ วรรคสอง, 78 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ(ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2522 มาตรา 5, 6, 8 (คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 7กฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2522) ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2522)และลงโทษฐานฆ่าผู้อื่น จำคุกตลอดชีวิต ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน จำคุก 6 ปี ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไป จำคุก 1 ปีเมื่อลงโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้วจึงไม่อาจนำโทษจำคุกในกระทงความผิดอื่นมารวมได้ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) คงให้จำคุกตลอดชีวิตสถานเดียว ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า โทษจำคุกตลอดชีวิตนั้นเมื่อรวมกับโทษจำคุกกระทงอื่นแล้ว คงให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ในปัญหาที่ว่าจำเลยกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นหรือไม่ โจทก์มีนางอารมณ์ เจดีรัตน์ เบิกความว่าวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 6 นาฬิกาพยานออกจากบ้านพักไปขอตะไคร้ที่บ้านนายประทิน บุญรอด ผู้ตายพบนางจารึก บุญรอด บุตรสะใภ้ผู้ตายล้างถ้วยชามอยู่ที่ครัวหลังบ้านพัก จึงขอตะไคร้นางจารึกอนุญาตพยานจึงไปตัดตะไคร้ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 5 วา ทันใดพยานได้ยินเสียงปืน 1 นัด ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ พยานหันไปดูเห็นผู้ตายวิ่งมาได้ประมาณ 3-4 ก้าว ก็ล้มลง ต่อมามีจำเลย นายสมพงศ์เส่งสั้น นายแคว้งกับพวกอีก 2 คน ถืออาวุธปืนยาวคนละ 1 กระบอกเดินออกมา จำเลยกับพวกได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายอีกหลายนัด…พยานตกใจและวิ่งไปที่บ้านผู้ตายเห็นว่าเมื่อนางอารมย์ได้ยินเสียงปืนและเห็นผู้ตายวิ่งมาล้มลงและเห็นคนร้ายถืออาวุธปืนเดินตามมาในทันที นางอารมย์น่าจะตกใจกลัวและรีบวิ่งหนีไป คงจะไม่รอดูหน้าคนร้ายเพราะนางอารมย์เบิกความว่านางอารมย์ตกใจและวิ่งหนีนอกจากนี้ตามแผนที่เกิดเหตุปรากฏว่าคนร้ายซุ่มยิงอยู่ในป่ารกทึบโดยใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 และอาวุธปืนคาร์บิน ทั้งบริเวณที่ผู้ตายวิ่งออกมาไม่สามารถมองเห็นคนที่อยู่ในสวนได้ ระยะทางจากที่ผู้ตายออกมาจนล้มลงเพียง 3-4 ก้าว คนร้ายจะยิงซ้ำก็ไม่จำต้องออกมาปรากฏตัวให้ญาติของผู้ตายหรือบุคคลอื่นเห็นเพราะจากที่ผู้ตายล้มลงถึงบ้านผู้ตายไม่ห่างกันมากนักและเป็นเวลากลางวันยิ่งกว่านั้นหากจำเลยกับพวกออกมาจ่อยิงผู้ตายหลายนัดดังนางอารมย์เบิกความบาดแผลกระสุนปืนก็จะอยู่ตามลำตัวหรือใบหน้า แต่จากรายงานการชันสูตรพลิกศพปรากฏว่า ผู้ตายถูกกระสุนปืนเพียง 3 แห่ง คือที่ต้นแขนขวา หัวแม่มือซ้าย และที่คางด้านซ้ายเท่านั้น ประกอบกับเจ้าพนักงานตำรวจพบปลอกกระสุนปืนอยู่ในสวนยาง แสดงว่าคนร้ายน่าจะซุ่มยิง ทั้งนางอารมย์ไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานตำรวจหรือบอกญาติผู้ตายในวันเกิดเหตุว่า จำเลยเป็นคนร้าย คำเบิกความของนางอารมย์จึงไม่น่าเชื่อ โจทก์คงมีแต่คำให้การชั้นสอบสวนของนางจารึก เมื่อจำเลยไม่มีโอกาสได้ซักค้านนางจารึก คำให้การชั้นสอบสวนดังกล่าวเป็นพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักมั่นคงพอฟังลงโทษจำเลยได้ และเมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ในคดีนี้ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน และฐานพาอาวุธปืนของจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 เพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกันที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ แต่ปลอกกระสุนปืนของกลางเป็นของที่มีไว้ผิดต่อกฎหมายจึงให้ริบ.

Share