คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3405/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้ผู้คัดค้านชนะคดี แต่เมื่อผู้คัดค้านฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำร้องของผู้ร้องไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้าน จึงเป็นฎีกาที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าพิพากษาไม่ถูกต้องตรงตามประเด็นและผลของคำพิพากษาทำให้เสียสิทธิของผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านมีสิทธิฎีกาได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนที่ฟังข้อเท็จจริงที่มิใช่ข้อเท็จจริงในประเด็นข้อพิพาทโดยตรง หากแต่เป็นการฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในคดีประกอบเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทแห่งคดี ย่อมไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้าน จึงหาใช่เป็นการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำร้องขอของผู้ร้องไม่

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอ ขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าที่ดินโฉนดเลขที่56 ตำบลแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองปรปักษ์
ผู้คัดค้านทั้งหกยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกคำร้องขอ
ผู้ร้องและผู้คัดค้านทั้งหกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้คัดค้านทั้งหกฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 จะพิพากษาให้ผู้คัดค้านทั้งหกชนะคดี แต่ผู้คัดค้านทั้งหกฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ว่าพิพากษาเกินคำร้องขอของผู้ร้อง ซึ่งไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้านทั้งหก ฎีกาของผู้คัดค้านทั้งหกจึงเป็นฎีกาที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ว่า พิพากษาไม่ถูกต้องตรงตามประเด็นและผลของคำพิพากษาทำให้เสียสิทธิของผู้คัดค้านทั้งหกผู้คัดค้านทั้งหกมีสิทธิฎีกาได้ ที่ผู้คัดค้านทั้งหกฎีกาว่าศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาเกินคำร้องขอของผู้ร้องนั้น เห็นว่าคดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่าผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า10 ปี ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 ขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ร้องผู้คัดค้านทั้งหกคัดค้านว่า ที่ดินพิพาทเป็นของผู้คัดค้านทั้งหกมิใช่เป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องเป็นเพียงผู้อาศัยอยู่ในที่ดินพิพาทแม้คดีจะมีประเด็นข้อพิพาทเพียงว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองหรือไม่ก็ตาม แต่การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2ฟังข้อเท็จจริงไปด้วยว่า ที่ดินพิพาทฟังไม่ได้ว่านายหนุ่มได้ยกให้นายทุนเมี๊ยะกับนางละหยิ่นและมิได้ครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ ที่ดินพิพาทจึงเป็นมรดกของนายหนุ่มซึ่งตกทอดได้แก่ทายาทรวมทั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 ถึงที่ 4และนายสนิท จิตตรานนท์ ซึ่งเป็นบุตรของนายทุนเมี๊ยะอันมีสิทธิเข้ารับมรดกแทนที่ ผู้ร้องมิได้ครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในส่วนที่ฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยพยานหลักฐานของผู้คัดค้านทั้งหกที่นำสืบหักล้างพยานหลักฐานของผู้ร้องเท่านั้น อันเป็นการฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในคดีประกอบเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีนั้นหาใช่เป็นการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาเกินคำร้องขอของผู้ร้องแต่อย่างใดไม่ เมื่อคำวินิจฉัยในส่วนนี้มิใช่การฟังข้อเท็จจริงในประเด็นข้อพิพาทโดยตรงแล้ว ย่อมไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้านทั้งหกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 ดังที่ผู้คัดค้านทั้งหกอ้างมาในฎีกา ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้ยกคำร้องขอของผู้ร้องต้องตามประสงค์ของผู้คัดค้านทั้งหกนั้นชอบแล้ว เช่นนี้ ฎีกาของผู้คัดค้านทั้งหกฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share