คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 340/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กฎระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของผู้ร้องในหมวดว่าด้วยวินัยและโทษทางวินัยกำหนดไว้ว่า ความผิดเกี่ยวกับ การจัดการประชุม หรือชุมนุม เขียน แจกจ่าย ติดประกาศ หรือ พิมพ์โฆษณา ถ้อยคำหรือบทความภายในบริเวณที่ทำงานหรือโรงงาน หรือบริษัท โดยไม่รับอนุญาต จะได้รับการพิจารณาโทษปลดออก ดังนี้ การที่ผู้คัดค้านทั้งสี่เป็นลูกจ้างของผู้ร้องหากผู้คัดค้านทั้งสี่หรือลูกจ้างอื่นของผู้ร้องไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้ร้อง ผู้คัดค้านทั้งสี่ในฐานะกรรมการลูกจ้างก็มีสิทธิดำเนินการใด ๆ ภายในขอบเขตของกฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นธรรมได้ แต่การที่ผู้คัดค้านทั้งสี่ได้ร่วมกันเขียนประกาศพิพาทที่มีข้อความ ดูหมิ่น เสียดสีและเหยียดหยามผู้ร้องซึ่งเป็นนายจ้างและผู้บังคับบัญชาดังกล่าวไปปิดไว้ที่บอร์ด โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ร้องย่อมทำให้พนักงานของผู้ร้องขาดความเคารพยำเกรงเป็นการส่งเสริมและยั่วยุให้พนักงานกระด้างกระเดื่องต่อผู้ร้อง ทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างผู้ร้องกับพนักงานอันจะส่งผลเสียหายต่อผู้ร้องและพนักงานในที่สุด เมื่อผู้ร้องสั่งให้เอาออก ผู้คัดค้านทั้งสี่ก็มิได้ปฏิบัติตาม เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งโดยชอบของผู้บังคับบัญชา กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้ร้อง เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของผู้ร้อง และไม่เกรงกลัวความผิดที่ตนได้กระทำ จงใจให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย จึงมีเหตุสมควรอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้าง ผู้คัดค้านทั้งสี่ได้

ย่อยาว

คดีทั้งสี่สำนวนนี้ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้รวมพิจารณากับคดีอีกสองสำนวน ซึ่งผู้ร้องขอถอนคำร้องในระหว่างพิจารณาไปสำนวนหนึ่งและขอถอนอุทธรณ์ไปอีกสำนวนหนึ่ง ซึ่งศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตแล้ว โดยเรียกผู้คัดค้านทั้งสี่สำนวนเป็นผู้คัดค้านที่ 1 และผู้คัดค้านที่ 4 ถึงผู้คัดค้านที่ 6 ตามลำดับ
ผู้ร้องทั้งสี่สำนวนยื่นคำร้องว่า ผู้คัดค้านทั้งสี่เป็นลูกจ้างของผู้ร้อง และเป็นกรรมการลูกจ้าง เมื่อวันที่ 4กุมภาพันธ์ 2536 ผู้คัดค้านทั้งสี่ได้ร่วมกันเขียนประกาศข้อความเสียดสีบริษัทผู้ร้อง ยุยงส่งเสริมให้พนักงานเกิดความกระด้างกระเดื่อง ทำให้ขาดความสามัคคี เกิดความเสียหายต่อบริษัทผู้ร้องอย่างร้ายแรง แล้วนำไปปิดไว้ที่บอร์ด โดยไม่ได้ขออนุญาตจากบริษัทผู้ร้องก่อนผู้ร้องสั่งให้นำประกาศออกแล้ว แต่ผู้คัดค้านทั้งสี่ไม่ปฏิบัติตาม เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของผู้ร้องและขัดคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมาย เป็นปฏิปักษ์ต่อผู้ร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างนางสาวสุพรรณิการ์ อินทรแพงผู้คัดค้านที่ 1 นายสนาม ภู่ปาน ผู้คัดค้านที่ 4นางสาวยุพิน มาลีหวล ผู้คัดค้านที่ 5 และนายไพรรัตน์ เล่าเฮ้ย ผู้คัดค้านที่ 6
ผู้คัดค้านทั้งสี่สำนวนแถลงคัดค้านว่า ผู้คัดค้านทั้งสี่มีสิทธินำประกาศข้อความไปปิดไว้ที่บอร์ด ของสหภาพแรงงานมาจอเร็ตต์ โดยไม่ต้องขออนุญาตจากบริษัทผู้ร้องเสียก่อนเนื่องจากบอร์ด ดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของสหภาพและบริษัทผู้ร้องเคยอนุญาตให้สหภาพปิดประกาศได้โดยไม่ต้องขออนุญาตบริษัทของผู้ร้องไม่เคยสั่งให้ผู้คัดค้านทั้งสี่นำเอาประกาศข้อความตามคำร้องออกจากบอร์ด บริษัทผู้ร้องไม่มีสิทธิที่จะเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งสี่ ขอให้ยกคำร้อง
วันนัดพิจารณา ผู้ร้องและผู้คัดค้านทั้งสี่แถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า ผู้ร้องมีกฎระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานตามเอกสารหมาย ร.1 เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2536ผู้คัดค้านทั้งสี่ได้ร่วมกันเขียนประกาศข้อความว่า “แด่ ผู้หิวโหยคิดจะแดก ให้แดก อย่ามากนัก ฟันจะหักปากจะพอง ลองไปคิดแดก อะไรให้ตรึกตรองมองสิ่งผิด จะไปคิดหาทางแดก ให้แยบยลกูจะแดก มึงจะมองกูไม่สน มึงคนจนกูคนรวยช่วยไม่ได้ กูแดก แล้วทำให้กูอยู่สบาย รถก็ได้เงินก็มีสุขีเอย” แล้วร่วมกันนำประกาศดังกล่าวไปปิดที่แผ่นป้ายประกาศของสหภาพแรงงานมาจอเร็ตต์ บอร์ด ดังกล่าวอยู่ภายในบริเวณที่ทำงานของผู้ร้องโดยไม่ได้ขออนุญาตจากผู้ร้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านไม่มีสิทธินำประกาศข้อความตามคำร้องไปปิดประกาศโดยมิได้รับอนุญาตจากบริษัทผู้ร้องเมื่อบริษัทผู้ร้องสั่งให้เอาประกาศออก ผู้คัดค้านไม่ปฏิบัติตามแต่เมื่อพิเคราะห์ข้อความในประกาศตลอดจนพฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับผู้คัดค้านทั้งสี่ไม่เคยถูกผู้ร้องลงโทษมาก่อนกรณียังไม่สมควรลงโทษโดยการเลิกจ้าง แต่เห็นสมควรให้ลงโทษพักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างมีกำหนดคนละ 7 วัน จึงมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องลงโทษผู้คัดค้านทั้งสี่ด้วยการพักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างมีกำหนดคนละ 7 วัน
ผู้ร้องทั้งสี่สำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ผู้ร้องอุทธรณ์ว่าคดีมีเหตุสมควรอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งสี่ นั้นข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามที่ศาลแรงงานกลางฟังมาว่ากฎระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของผู้ร้องตามเอกสารหมาย ร.1 ในหมวดว่าด้วยวินัยและโทษทางวินัยกำหนดไว้ว่าความผิดเกี่ยวกับการจัดการประชุม หรือชุมนุม เขียน แจกจ่ายติดประกาศ หรือพิมพ์โฆษณา ถ้อยคำหรือบทความภายในบริเวณที่ทำงาน หรือโรงงาน หรือบริษัท โดยไม่รับอนุญาต จะได้รับการพิจารณาโทษปลดออก ผู้คัดค้านทั้งสี่ได้นำประกาศที่พิพาทในคดีนี้ไปติดที่แผ่นป้ายติดประกาศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ร้อง เมื่อผู้ร้องสั่งให้เอาประกาศดังกล่าวออก ผู้คัดค้านไม่ปฏิบัติตาม พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ผู้คัดค้านทั้งสี่เป็นลูกจ้างของผู้ร้อง หากผู้คัดค้านทั้งสี่หรือลูกจ้างอื่นของผู้ร้องไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้ร้อง ผู้คัดค้านทั้งสี่ในฐานะกรรมการลูกจ้างก็มีสิทธิดำเนินการใด ๆ ภายในขอบเขตของกฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นธรรมได้ แต่การที่ผู้คัดค้านทั้งสี่ได้ร่วมกันเขียนประกาศพิพาทที่มีข้อความดูหมิ่นเสียดสี และเหยียดหยามผู้ร้องซึ่งเป็นนายจ้างและผู้บังคับบัญชาไปปิดไว้ที่บอร์ด โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ร้อง ย่อมทำให้พนักงานของผู้ร้องขาดความเคารพยำเกรง เป็นการส่งเสริมยั่วยุให้พนักงานกระด้างกระเดื่องต่อผู้ร้อง ทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างผู้ร้องกับพนักงาน อันจะส่งผลเสียหายต่อผู้ร้องและพนักงานในที่สุด เมื่อผู้ร้องสั่งให้เอาออก ผู้คัดค้านทั้งสี่ก็มิได้ปฏิบัติตาม เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งโดยชอบของผู้บังคับบัญชากระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้ร้อง เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของผู้ร้อง และไม่เกรงกลัวความผิดที่ตนได้กระทำ จงใจให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย คดีมีเหตุสมควรอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งสี่ได้
พิพากษากลับ อนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งสี่ได้ตามคำร้อง

Share