แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ราชการโดยทุจริต ยักยอกเงินผลประโยชน์และเงินประเภทต่าง ๆ ของเทศบาลรวมเงิน 33,449 บาท 42 สตางค์ จำเลยให้การปฏิเสธ สืบพยาน 4 ปาก โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องโดยแยกลักษณะ ประเภทเงิน และจำนวนเงินเพิ่มขึ้นอีก 155,079 บาท 76 สตางค์ และจำนวนเงินตามรายการที่เพิ่มเติมขึ้นใหม่ ไม่ได้แจ้งข้อหาให้จำเลยทราบ และสอบสวนในข้อหาใหม่ดังนี้ คำร้องขอแก้ฟ้องของโจทก์เป็นการกล่าวอ้างการกระทำผิดของจำเลยขึ้นใหม่ จึงทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติม ฟ้องไม่ได้ เป็นการต้องห้ามตาม มาตรา 164 ตอนต้นของ ป.วิ.อ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและยื่นคำร้องเพิ่มเติมฟ้องหาว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ราชการโดยทุจริตยักยอกเงินผลประโยชน์และเงินประเภทต่างๆ รวมเงิน ๓๓,๔๔๙ บาท ๔๒ สตางค์ ของเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด อันอยู่ในความดูแลและรับผิดชอบตามหน้าที่ของจำเลยและพวกเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย ขอให้ลงโทษ
จำเลยปฏิเสธความรับผิด
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ได้ ๔ ปาก โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้อง โดยแยกลักษณะ, ประเภทเงิน และจำนวนเงินที่หาว่าจำเลยยักยอก เพิ่มขึ้นอีก๑๕๕,๐๗๙ บาท ๗๖ สตางค์ ศาลชั้นต้นสอบโจทก์ ๆ แถลงว่า จำนวนเงินตามรายการที่โจทก์ฟ้องเพิ่มเติมขึ้นมาใหม่ ไม่ได้แจ้งข้อหาในข้อหาใหม่ไว้จริง ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอแก้ไจเพิ่มเติมฟ้องลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๐๐ ของโจทก์แล้วทำการสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จ พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะข้อกฎหมายว่า โจทก์มีสิทธิขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมนี้ ไม่ใช่เป็นการแก้ฐานความผิดหรือรายละเอียดฯลฯ ตามมาตรา ๑๖๔ ป.วิ.อ. หากแต่เป็นการกล่าวอ้างการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดขึ้นใหม่ แตกต่างเป็นการกล่าวอ้างการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดขึ้นใหม่ แตกต่างกับการกระทำของจำเลยที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้องเดิมเกือบทั้งสิ้น กรณีไม่เข้ามาตรา ๑๖๔ คดีนี้ โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องภายหลังจำเลยให้การต่อสู้คดีไปตามฟ้องเดิม และภายหลังโจทก์สืบพยานถึง ๔ ปาก จำเลยไม่มีโอกาสซักค้านพยานโจทก์ที่สืบไปแล้วถึงการกระทำที่จำเลยถูกกล่าวหาขึ้นใหม่ตามคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์นั้นได้เลย จึงทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติม ฟ้องไม่ได้ เป็นการต้องห้ามตาม มาตรา ๑๖๔ ตอนต้น
พิพากษายืน