คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3393/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ก่อนเกิดเหตุผู้ตายและภรรยากับจำเลยดื่มสุรากันอยู่ที่บ้านผู้ตาย ผู้ตายมีปากเสียงและชกต่อยกับจำเลย มีคนห้ามแยกออกจากกันจำเลยโกรธผู้ตาย จึงพาพวกมาแก้แค้นผู้ตาย จำเลยทราบดีว่าพวกของจำเลยมีมีดและท่อนไม้หน้า 3 ยาว 1 เมตร เป็นอาวุธติดตัวไปด้วยเมื่อพวกของจำเลยเข้าชกต่อยผู้ตายตกลงไปในคลอง แล้วตามไปใช้ไม้ตีและใช้มีดแทงฆ่าผู้ตายถึงแก่ความตาย แม้จำเลยจะไม่ได้ลงมือฆ่าผู้ตาย แต่การที่จำเลยเฝ้าดูพวกของจำเลยฆ่าผู้ตายและฉุดมือภรรยาผู้ตายมิให้เข้าไปช่วยเหลือผู้ตาย ปล่อยให้พวกของจำเลยฆ่าผู้ตายจนถึงแก่ความตาย เช่นนี้ ถือได้ว่า จำเลยได้ร่วมเป็นตัวการในความผิดฐานร่วมกับพวกฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 ให้จำคุก 18 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 12 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยนำสืบและไม่โต้แย้งกันฟังได้ในเบื้องต้นว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายและภรรยาคือนางสุดใจกับจำเลยซึ่งเป็นน้องเขยนางสุดใจดื่มสุรากันอยู่ที่บ้านผู้ตาย ผู้ตายมีปากเสียงและทำร้ายจำเลย จำเลยออกจากบ้านผู้ตายไปตามนายประจวบ แล้วจำเลยพร้อมด้วยนายประจวบได้พากันไปที่บ้านผู้ตาย จากนั้นผู้ตายก็ถูกคนร้ายหลายคนใช้ไม้และมีดเป็นอาวุธตีและแทงเป็นเหตุให้ผู้ตายขาดอากาศและเลือดเลี้ยงสมองจากการจมน้ำและเสียเลือดมาก ถึงแก่ความตายตามรายงานการตรวจศพท้ายฟ้อง คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยได้ร่วมกับพวกที่หลบหนีเป็นคนร้ายรายนี้หรือไม่ โจทก์มีนางสุดใจเป็นประจักษ์พยานเบิกความว่าหลังจากที่จำเลยกับผู้ตายชกต่อยกัน และจำเลยออกจากบ้านไปประมาณ 10 นาที พยานก็ได้ยินเสียงเอะอะและคนตกน้ำที่หน้าบ้านเมื่อวิ่งไปดูเห็นนายประจวบ นายชัย นายยืน และผู้ตายอยู่ในคลองนายชัยใช้ไม้ขนาดหน้า 3 ยาวประมาณ 1 เมตร ตีศีรษะผู้ตายส่วนนายยืนถือมีดปลายแหลม แม้นางสุดใจจะเบิกความในทำนองว่าพวกของจำเลยทั้งสามเป็นผู้ทำร้ายผู้ตายในคลอง ส่วนจำเลยยืนอยู่ข้างบนห่างประมาณ 2 เมตรก็ตาม แต่นางสุดใจได้ให้การในชั้นสอบสวนตามเอกสารหมาย จ.5 ว่า จำเลยได้พาพวกกลับมาบ้านผู้ตายจำเลยได้ต่อว่าผู้ตาย แล้วพวกของจำเลยได้เข้าทำร้ายผู้ตายจนตกลงไปในคลองหน้าบ้าน นางสุดใจจะเข้าไปห้าม แต่ถูกจำเลยฉุดมือไว้ไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยว ปล่อยให้พวกของจำเลยใช้ไม้และมีดตีแทงผู้ตายในคลอง เห็นว่านางสุดใจได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนในวันเกิดเหตุนั้นเอง ไม่มีเวลาที่จะตกเติมเสริมแต่ง จึงเชื่อว่านางสุดใจได้ให้การในชั้นสอบสวนไปโดยความสัตย์ความจริง เหตุที่นางสุดใจมาเบิกความในทำนองที่ว่า จำเลยไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำร้ายผู้ตายหากแต่เมื่อเกิดเหตุแล้วกลับช่วยเหลือพยานนำผู้ตายขึ้นจากคลองนั้นก็เพื่อช่วยเหลือจำเลย เนื่องจากจำเลยเป็นน้องเขยของนางสุดใจนั่นเอง นอกจากนี้จากพฤติการณ์ที่ฟังได้ว่า เมื่อจำเลยถูกผู้ตายทำร้าย จำเลยก็กลับไปพาพวกมาหาผู้ตายในทันทีเช่นนี้ เชื่อได้ว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวก็เพื่อที่จะพาพวกของจำเลยมาแก้แค้นผู้ตายนั่นเอง คำให้การชั้นสอบสวนของนางสุดใจที่ว่าขณะพวกของจำเลยเข้าทำร้ายผู้ตาย นางสุดใจจะเข้าไปห้ามแต่ถูกจำเลยฉุดมือไว้ จึงมีเหตุผลสนับสนุนสามารถรับฟังเป็นความจริงได้นอกจากนี้ในชั้นสอบสวนจำเลยก็ให้การรับสารภาพตามเอกสารหมาย จ.14ว่า เมื่อถูกผู้ตายทำร้าย จำเลยมีความโกรธ จึงไปตามนายประจวบชิดชม นายวันชัย สุนทร และนายสมทรงหรือยืน กล้วยแป้น มาทำร้ายผู้ตาย โดยนายวันชัย มีไม้หน้า 3 ยาวประมาณ 1 เมตร นายสมทรงหรือยืนมีมีด 1 เล่ม ทั้งจำเลยยังนำชี้ที่เกิดเหตุ ประกอบคำรับสารภาพตามเอกสารหมาย จ.12 จ.13 และ จ.15 ด้วย ที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยไม่ได้ร่วมกับพวกทำร้ายผู้ตาย ชั้นสอบสวนจำเลยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายบังคับให้ลงชื่อในเอกสารโดยไม่ทราบข้อความนั้น คงมีแต่คำเบิกความของจำเลยกล่าวอ้างขึ้นเพียงลอย ๆไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดสนับสนุน จึงเชื่อว่าจำเลยได้ให้การรับสารภาพตามเอกสารหมาย จ.14 ด้วยความสมัครใจของจำเลย เมื่อนำคำรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยมาพิจารณาประกอบกับคำเบิกความและคำให้การชั้นสอบสวนของนางสุดใจประจักษ์พยานโจทก์ดังกล่าวข้างต้นแล้วพยานหลักฐานของจำเลยไม่มีน้ำหนักพอหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยมีความโกรธผู้ตาย จึงไปตามพวกมาแก้แค้นผู้ตาย มิใช่จำเลยพาพวกไปห้ามผู้ตายมิให้ทะเลาะกับนางสุดใจดังที่จำเลยนำสืบ จำเลยจึงร่วมกับพวกที่หลบหนีเป็นคนร้ายรายนี้และโดยที่ข้อเท็จจริงปรากฏต่อไปว่า จำเลยทราบดีว่าพวกของจำเลยมีมีดและท่อนไม้หน้า 3 ยาว 1 เมตร เป็นอาวุธติดตัวไปด้วยเมื่อพวกของจำเลยเข้าชกต่อยผู้ตายตกลงไปในคลอง แล้วตามไปใช้ไม้ตีและใช้มีดแทงฆ่าผู้ตายถึงแก่ความตาย แม้จำเลยจะไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าผู้ตายก็ตาม แต่การที่จำเลยเฝ้าดูพวกของจำเลยฆ่าผู้ตายและฉุดมือนางสุดใจมิให้เข้าไปช่วยเหลือผู้ตาย ปล่อยให้พวกของจำเลยฆ่าผู้ตายจนถึงแก่ความตายเช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้ร่วมเป็นตัวการในความผิดฐานร่วมกับพวกฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share