แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งที่ดินพร้อมตึกแถวซึ่งเป็นสินสมรสให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง การที่โจทก์ตีราคาสินสมรสเฉพาะส่วนของโจทก์จำนวน 100,000บาทก็เพื่อเป็นทุนทรัพย์ในการเสียค่าขึ้นศาลเท่านั้น โจทก์มิได้แบ่งสินสมรสเป็นเงิน 100,000 บาท ฉะนั้นเมื่อปรากฏว่าที่ดินพร้อมตึกแถวดังกล่าวเป็นสินสมรสและโจทก์จำเลยหย่ากันแล้วก็ชอบที่จะแบ่งสินสมรสให้โจทก์และจำเลยได้ส่วนเท่ากันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1533 ถ้าการแบ่งไม่อาจตกลงกันได้ก็ให้ขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันโดยจดทะเบียนสมรสระหว่างอยู่กินฉันสามีภริยามีที่ดินโฉนดเลขที่ 20460 ตำบลบุคคโล (บางยี่เรือ) อำเภอธนบุรี (บางกอกใหญ่) กรุงเทพมหานครพร้อมตึกแถว 3 ชั้น เลขที่ 29/146 ตรอกโรงพยาบาลทหารเรือถนนตากสิน แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร เป็นสินสมรสโจทก์และจำเลยได้จดทะเบียนหย่ากันแล้วแต่จำเลยไม่ยอมแบ่งสินสมรส โจทก์ตีราคาเฉพาะส่วนแบ่งของโจทก์เป็นเงิน 100,000 บาทโจทก์ทวงถามแล้วแต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยแบ่งสินสมรสให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง หากตกลงแบ่งกันไม่ได้ให้นำที่ดินพร้อมตึกแถวดังกล่าวขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่งพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยซื้อที่ดินพร้อมตึกแถวมาด้วยเงินของจำเลยฝ่ายเดียวโดยได้กู้เงินและเอาที่ดินพร้อมตึกแถวจำนองไว้ นอกจากนี้ยังได้กู้เงินมาต่อเติมและตกแต่งตึกแถวที่ดินและตึกแถวจึงเป็นสินส่วนตัวของจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิขอแบ่งและเรียกค่าเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์จำนวน 31,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 20460 พร้อมตึกแถว 3 ชั้น เลขที่ 29/146 ตรอกโรงพยาบาลทหารเรือ ถนนตากสิน แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานครให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง หากตกลงแบ่งกันไม่ได้ให้นำที่ดินพร้อมตึกแถว 3 ชั้นดังกล่าวขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันตามส่วน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 20460 เนื้อที่ 13 ตารางวาพร้อมตึกแถว 3 ชั้น เลขที่ 29/146 ตรอกโรงพยาบาลทหารเรือถนนตากสิน แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร เป็นสินสมรสระหว่างโจทก์จำเลย โจทก์จำเลยได้จดทะเบียนหย่าตามคำพิพากษาศาลแพ่งธนบุรีในคดีหมายเลขแดงที่ 1345/2530 แล้ว คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแบ่งสินสมรสตามฟ้องให้โจทก์ครึ่งหนึ่งหรือให้เอาสินสมรสออกขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งให้โจทก์ตามส่วน โดยไม่เปิดโอกาสให้จำเลยเลือกชำระหนี้แก่โจทก์เป็นตั๋วเงินภายในวงเงินตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องไม่เกิน100,000 บาท เป็นการชอบหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ตามโจทก์ฟ้องโจทก์มุ่งประสงค์ให้ศาลพิพากษาแบ่งที่ดินพร้อมตึกแถวซึ่งเป็นสินสมรสให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง มิได้ฟ้องขอให้แบ่งเงิน ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ขอแบ่งสินสมรสเป็นเงิน 100,000 บาทนั้น เห็นว่าตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์ โจทก์ขอให้แบ่งสินสมรสครึ่งหนึ่งให้แก่โจทก์ หากแบ่งไม่ได้ให้นำที่ดินพร้อมตึกแถวออกขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่งพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี ในต้นเงินเฉพาะส่วนแบ่งสินสมรสของโจทก์ การที่โจทก์ตีราคาสินสมรสเฉพาะส่วนของโจทก์จำนวน 100,000 บาท เพื่อเป็นทุนทรัพย์ในการเสียค่าขึ้นศาลเท่านั้น โจทก์มิได้ขอแบ่งสินสมรสเป็นเงิน100,000 บาท ดังที่จำเลยฎีกาแต่อย่างใด เมื่อปรากฏว่าที่ดินพร้อมตึกแถวตามฟ้องเป็นสินสมรสและโจทก์จำเลยหย่ากันแล้วก็ชอบที่จะให้แบ่งสินสมรสให้โจทก์และจำเลยได้ส่วนเท่ากันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1533 ซึ่งถ้าการแบ่งไม่อาจตกลงกันได้ก็อาจให้นำเอาสินสมรสออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาแบ่งกันตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน