คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3392/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

แบบพิมพ์เช็คที่ธนาคารมอบให้ ล. เพื่อใช้สั่งจ่ายเงินได้เขียนข้อความไว้ในเช็คว่าบัญชีเลขที่ 2009 เมื่อมีผู้แก้ไขเลขบัญชีในเช็คจากเลขที่ 2009 เป็นเลขที่ 2099 แล้วกรอกข้อความลงในเช็คครบถ้วนและลงลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายโดย ล. ไม่ได้อนุญาตกรณีถือได้ว่าเช็คดังกล่าวเป็นเอกสารปลอมแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265, 266, 268, 91 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 จำคุก 3 ปีข้อหาอื่นให้ยก จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ได้ความว่า เช็คเอกสารหมายจ.1 เป็นเช็คที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาจารุเมืองมอบให้นายลิ้มไฮ้เพื่อใช้สั่งจ่ายเงินจากบัญชีเลขที่ 2009และแบบพิมพ์เช็คเอกสารหมาย จ.1 ได้เขียนบัญชีเลขที่ 2009 ไว้ด้วยต่อมาได้มีผู้แก้ไขเลขบัญชีเลขที่ 2009 เป็นเลขที่ 2099 แล้วกรอกข้อความลงในเช็คครบถ้วนและลงลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายโดยนายลิ้มไฮ้ไม่ได้อนุญาต กรณีถือได้ว่า เช็คเอกสารหมาย จ.1เป็นเอกสารปลอมแล้ว ในปัญหาที่ว่า จำเลยใช้เอกสารปลอมหรือไม่นั้นโจทก์มีนายกิจชัยเบิกความว่า จำเลยนำเช็คเอกสารหมาย จ.1มาแลกเงินสดจากพยาน พยานไม่รับแลกเนื่องจากเป็นเงินจำนวนมากและพยานเห็นจำเลยลงลายมือชื่อในช่องผู้สั่งจ่ายเห็นว่า โจทก์มีนายกิจชัยเบิกความลอย ๆ เพียงปากเดียว นอกจากนี้นายกิจชัยเบิกความว่า จำเลยลงลายมือชื่อในช่องผู้สั่งจ่ายตามเช็คเอกสารหมาย จ.1 แต่ปรากฏจากรายงานการตรวจพิสูจน์ของกองพิสูจน์หลักฐานกรมตำรวจว่า ลายมือชื่อในช่องผู้สั่งจ่ายตามเช็คเอกสารหมาย จ.1ไม่ใช่ลายมือชื่อจำเลย คำเบิกความของนายกิจชัยจึงมีพิรุธอย่างมากไม่น่าเชื่อ พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักมั่นคงฟังไม่ได้ว่าจำเลยใช้เช็คเอกสารหมาย จ.1 ไปขอแลกเงินสดจากนายกิจชัยและนายพิพัฒน์ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานใช้เอกสารปลอม”
พิพากษายืน

Share