คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3390/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้ทำความตกลงกับโจทก์ผู้เป็นนายจ้างไว้ว่า เมื่อจำเลยได้รับการบรรจุเข้าทำงานกับโจทก์แล้ว หากจำเลยกระทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่ว่าในกรณีใด จำเลยยินยอมชดใช้จนครบถ้วน ต่อมาจำเลยได้กระทำละเมิดตามทางการที่จ้างของโจทก์ โดยขับรถยนต์ของโจทก์ชนรถยนต์ของบุคคลภายนอกเสียหายโจทก์ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 จึงเป็นเรื่องที่จำเลยได้กระทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายตรงตามข้อตกลงดังกล่าวแล้ว โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ชดใช้เงินที่โจทก์ได้ชำระให้บุคคลภายนอกไปแก่โจทก์ กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงาน หรือตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ตาม มาตรา 8 (1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 ศาลแรงงานกลางมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ในตำแหน่งพนักงานขับรถยนต์โดยมีสัญญาว่าจะปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ และคำสั่งของโจทก์ หากทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยยอมชดใช้ค่าเสียหายจนครบถ้วน ระหว่างเป็นลูกจ้าง จำเลยขับรถยนต์ของโจทก์ชนกับรถยนต์ของโจทก์อีกคันหนึ่งและของบุคคลภายนอกเสียหายโจทก์ได้ชำระค่าเสียหายให้เจ้าของรถยนต์ไปแล้ว จำเลยยอมรับผิดและขอชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เป็นรายเดือน จำเลยได้ผ่อนชำระให้โจทก์บางส่วนแล้วก็ไม่ชำระจึงขอให้ศาลบังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายพร้อมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์
วันนัดพิจารณาจำเลยไม่มาศาลและไม่ยื่นคำให้การ ศาลแรงงานกลางจึงมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัด
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์คำขอสำหรับกรณีโจทก์ชำระค่าเสียหายแทนจำเลยให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์โดยจำเลยได้ทำความตกลงกับโจทก์ตามข้อ ๑๑ ของเอกสารหมายเลข ๒ ท้ายคำฟ้องไว้ว่า เมื่อจำเลยได้รับการบรรจุเข้าทำงานกับโจทก์แล้ว หากจำเลยได้กระทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่ว่าในกรณีใด จำเลยยินยอมชดใช้จนครบถ้วน ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยได้กระทำละเมิดต่อเจ้าของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน กท.ช-๐๓๓๐ ตามทางการที่จ้างของโจทก์ผู้เป็นนายจ้าง โจทก์ก็ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๕ จึงเป็นเรื่องที่จำเลยได้กระทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายตรงตามข้อ ๑๑ เอกสารหมายเลข ๒ ท้ายคำฟ้องแล้ว กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานหรือตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ตามมาตรา ๘(๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ ศาลแรงงานกลางจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษา อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น และข้อเท็จจริงได้ความตามคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางว่าจำเลยยอมรับผิดและได้ทำบันทึกรับสภาพหนี้รายนี้ไว้จำเลยจึงเป็นลูกหนี้โจทก์ตามฟ้อง โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชดใช้เงินจำนวน ๔,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละสิบห้าต่อปี โดยให้คิดถึงวันฟ้องเพียง ๕ ปี กับดอกเบี้ยตามอัตราดังกล่าวนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

Share