แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยตัดฟันไม้ แผ้วถางป่า ฯลฯ แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิด ดังนี้ จะลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้ใช้ไม่ได้คงลงโทษได้เพียงเป็นผู้สนับสนุน
เมื่อโจทก์ไม่ด้บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา 11 ก็จะลงโทษจำเลยตามมาตรานี้ตามคำขอท้ายฟ้องไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจบุกรุกเข้าตัดฟันไม้ แผ้วถาง ก่อสร้าง เผาป่าทำลายไม้ เบญจพรรณ ซึ่งไม่อาจแยกชนิดและคำนวณปริมาตรได้ แล้วเข้ายึดถือครอบครองที่ดินอันเป็นป่าโครงการของรัฐ เนื้อที่ 190 ไร่ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11, 54, 55, 72 ตรี, 73, 74 (ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2494 มาตรา 14, 17 (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 11, 16, 17พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 9, 108, 108 ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 พ.ศ. 2515 ข้อ 11และสั่งให้จำเลยออกจากป่าที่แผ้วถางยึดถือครอบครองนั้น
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 72 ตรี ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ให้จำคุกจำเลย 1 ปีและให้ออกจากป่าที่แผ้วถางครอบครองนั้นด้วย ให้ยกคำขอของโจทก์ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยไม่ได้จ้างนายคำกับพวกไปถางป่าในที่เกิดเหตุพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่าที่เกิดเหตุเป็นป่าโครงการ จำเลยมิได้โต้เถียงในข้อนี้ ฟังได้ว่าที่เกิดเหตุเป็นป่าโครงการของรัฐตามฟ้อง และฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยจ้างนายคำให้ไปทำงานในที่เกิดเหตุ แล้ววินิจฉัยว่า โดยเหตุที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นตัวการ เมื่อฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดก็จะลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้ใช้ไม่ได้ ต้องลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดและเมื่อโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11 ก็จะลงโทษจำเลยตามมาตรานี้ตามคำขอท้ายฟ้องไม่ได้ด้วย
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54, 72 ตรี พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 มาตรา 14 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503มาตรา 11, 16 ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 พ.ศ. 2515 ข้อ 11 ให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 72 ตรี ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ประกอบด้วยมาตรา 86 ให้จำคุกจำเลย 8 เดือน ปรับ 4,000 บาทแต่เห็นเป็นการสมควรให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้ภายในระยะเวลาสามปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 และให้จำเลยออกจากป่าที่แผ้วถางครอบครองด้วย นอกจากที่แก้นี้แล้วให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์