คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 339/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยตกลงขายไม้ในโรงเลื่อยให้โจทก์ โดยเจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้วัดไม้ตีตรากรรมสิทธิ์ ได้ไม้ครบตามสัญญาและชำระราคาแล้วนั้น ต้องถือว่ากรรมสิทธิ์ในไม้ได้โอนเป็นของโจทก์แล้ว หากไฟไหม้ไม้นั้นเสียหายไปเพราะเหตุอันจะโทษจำเลยมิได้แล้ว การสูญหรือเสียหายก็ย่อมตกเป็นพับแก่โจทก์
หากมีเงื่อนไขระบุไว้ในสัญญาว่าจำเลยยังต้องรับผิดชอบในไม้ที่ซื้อขายอยู่จนกว่าจะได้ส่งมอบแก่โจทก์ถึงที่ตามที่ได้ตกลงกันไว้อันเป็นการวกเว้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 370 และ 460 แล้ว โจทก์ก็ต้องยกข้อความในสัญญาข้อนี้ขึ้นกล่าวเป็นประเด็นในฟ้องให้ชัดแจ้ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาขายไม้สักให้โจทก์ ซึ่งจะต้องส่งมอบลงเรือส่วนหนึ่ง ส่งมอบถึงโกดังไม้ของโจทก์อีกส่วนหนึ่ง จำเลยรับเงินไปแล้ว ๑๙๙,๑๓๕.๖๕ บาท จำเลยส่งไม้ให้โจทก์ไม่ครบอ้างว่าถูกไฟไหม้ คงค้างอยู่เป็ฯเงิน ๑๓๓,๙๙ บาท ๐๔ สตางค์ ขอให้ศาลบังคับจำเลยคืนไม้เงินดังกล่าว
จำเลยให้การว่า ทำสัญญาขายไม้แก่โจทก์จริง เจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้ส่งคนมาวัดไม้ตรีตรากรรมสิทธิ์ได้ไม้ครบถ้วนตามสัญญาแล้ว แต่ได้สั่งรอรับคำสั่งให้ส่งไปเข้าโกดังหรือลงเรือต่อไป จำเลยรับเงินจากโจทก์ตามฟ้อง แต่ต่อมามีผู้วางเพลิงโรงเลื่อยจำเลย ไม้ที่ซื้อขายถูกไฟไหม้ไปบางส่วนเป็นเงิน ๑๓๓,๖๘๓.๐๗ บาท ซึ่งจำเลยได้ส่งส่วนที่เหลือไปเข้าโกดังโจทก์แล้วเป็นเงิน ๓๖,๗๓๐.๖๖ บาท
ในวันชี้สองสถาน โจทก์ส่งสัญญาซื้อขายหมาย จ.๑ , ๒ จำเลยรับว่าได้ทำไว้จริง โจทก์รับว่าจำเลยได้จัดไม้ตามสัญญาตามฟ้องให้โจทก์ครบแล้ว และติดต่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์อย่างที่เคย เจ้าหน้าที่ของโจทก์ส่งคนไปวัดไม้ตีตรากรรมสิทธิ์ได้ไม้ครบตามสัญญาก่อนวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๐๑ ต่อมาวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๐๑ มีผู้ลอบวางเพลิงโรงเลื่อยของจำเลย ไฟไหม้ไม้นี้คิดเป็นเงิน ๑๓๓,๖๘๓.๐๗ บาท โดยจำเลยไม่ได้ประกันไฟ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า เจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้ตรวจไม้ที่จำเลยเตรียมไว้ตามสัญญษและตีตราของโจทก์ลงไว้ ถือได้ว่าวัตถุแห่งสัญญานี้เป็นทรัพย์เฉพาะสิ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๗๐ และบ่งตัวทรัพย์แน่นอน กรรมสิทธิ์ในไม้ตกเป็นของโจทก์ตามมาตรา ๔๖๐ แล้ว เมื่อไม้เสียหายโดยไม่ใช่ความผิดของจำเลย โจทก์ก็เรียกร้องเอาจากจำเลยไม่ได้ ส่วนเงื่อนไขข้อ ๕ ของสัญญาซึ่งมีข้อความว่า ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบไม้ตามสัญญาจนกว่าจะได้ส่งมอบจนถึงที่นั้น ฟ้องของโจทก์อ้างเหตุแต่เพียงในเรื่องจำเลยมิได้ส่งมอบไม้แก่โจทก์ มิได้อ้างเหตุให้จำเลยรับผิดตามเงื่อนไขข้อ ๕ จึงไม่มีประเด็น จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขายไม้ให้โจทก์แล้วมิได้ส่งมอบไม้ตามสัญญาจึงเรียกให้จำเลยคืนเงินที่จำเลยรับเกินจำนวนไม้ที่ส่งมอบแล้ว เมื่อปรากฏว่าไม้นั้นคนของโจทก์ได้ตรวจตีตรากรรมสิทธิ์ครบถ้วนแล้ว กรณีก็ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๕, ๓๗๐ และ ๔๖๐ ซึ่งต้องถือว่ากรรมสิทธิ์ในไม้ได้โอนไปเป็นของโจทก์และได้เสียหายเพราะเหตุอันโทษลูกหนี้มิได้ ต้องตกเป็นพับแก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ในการที่จะได้รับไม้นั้นจากจำเลย ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า ตามเงื่อนไขข้อ ๕ ในสัญญาจำเลยต้องรับผิดชอบในไม้จนกว่าจะได้ส่งมอบถึงที่ตามที่ได้ตกลงกันไว้เป็นการยกเว้น บทบัญญัติมาตรา ๓๗๐ และ ๔๖๐ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยไม่ส่งมอบไม้ตามสัญญาจึงต้องรับผิด เมื่อได้ความว่าการส่งมอบไม้เป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์ที่จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบ จำเลยก็หลุดพ้นจากการชำระหนี้ ที่โจทก์ถือว่าจำเลยยังต้องรับผิดอยู่ เพราะมีข้อตกลงกันเป็นอย่างอื่นตามสัญญาข้อ ๕ ในฟ้องของโจทก์ก็มิได้ยกข้อความในสัญญาข้อนี้ขึ้นกล่าวเป็นประเด็นให้ชัดแจ้ง
เมื่อจำเลยให้การอ้างว่าไม่ต้องรับผิดเพราะไม้สูญไปเพราะเหตุที่จำเลยไม่ต้องรับผิดหลังจากที่โจทก์ได้ตรวจคัดเลือกไม้แล้ว และมีการชี้สองสถาน โจทก์ก็มิได้ยกความข้อนี้ขึ้นอ้างให้ได้ความชัดเพื่อประเด็นข้อพิพาทเช่นเดียวกัน ศาลล่างวินิจฉัยชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share