คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3388/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การซื้อลดเช็คกับการให้กู้ยืนเงินเป็นนิติกรรมคนละประเภทมีกฎหมายรองรับในเรื่องรูปแบบและผลประโยชน์ผิดแยกแตกต่างกัน ดังนั้น การที่บริษัทโจทก์มีวัตถุประสงค์ให้กู้ยืมเงิน จึงไม่อาจฟังว่า การซื้อลดเช็คอยู่ในขอบวัตถุประสงค์ของบริษัทโจทก์
บริษัทโจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์ให้ทำการรับซื้อลดเช็ค แต่รับซื้อลดเช็คไว้ ถือว่าบริษัทโจทก์ได้เช็คมาโดยการประกอบกิจการนอกขอบวัตถุประสงค์ไม่อาจอ้างได้ว่าเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ และไม่เป็นผู้เสียหายดำเนินคดีแก่จำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันกิดจากการใช้เช็ค

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.๒๔๙๗ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ทางไต่สวนโจทก์นำสืบว่า โจทก์เป็นบริษัทจำกัด กรรมการสองในสี่ลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัท กระทำการแทนโจทก์ได้ และมีวัตถุประสงค์ ๒๔ ข้อ ตามหนังสือรับรองเอกสารหมาย จ.๑ โจทก์มอบอำนาจให้นางสาวผ่องศรี ตั้งเบญจผล ฟ้องคดีนี้ปรากฏตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.๒ เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๒๘ โจทก์โดยนางสาวผ่องศรี สมุห์บัญชีได้รับเช็คพิพาทจากห้างหุ้นส่วนจำกัดคิงส์เซ่งฮวดซึ่งนำมาขายลดเช็ค เป็นเช็คธนาคารกสิกรไทย สาขาสุขุมวิท ๕๗ ลงวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๒๘ จำนวนเงิน ๔๐,๐๒๔ บาท ซึ่งจำเลยเป็นผู้ลงชื่อสั่งจ่าย ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.๓ เมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์นำเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาพลับพลาไชย แต่ธนาคารเจ้าของเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๒๘ ให้เหตุผลว่า ” โปรดติดต่อผู้สั่งจ่าย” ปรากฏคามใบคืนเช็คเอกสารหมาย จ.๔
พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้จากทางนำสืบของโจทก์และที่โจทก์รับในฎีกาว่า โจทก์รับซื้อลดเช็คพิพาทมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัดคิงส์เซ่งฮวด และตามวัตถุประสงค์ของบริษัทโจทก์ที่จดทะเบียนไว้ตามหนังสือรับรองเอกสารหมาย จ.๑ รวม ๒๔ ข้อ ไม่ปรากฏว่าให้โจทก์ทำการรับซื่อลดเช็คได้ ดังนั้น โจทก์จึงได้เช็คพิพาทมาโดยการประกอบกิจการนอกขอบวัตถุประสงค์ของโจทก์ โจทก์จึงไม่อาจอ้างได้ว่าเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบ และไม่อาจเป็นผู้เสียหายดำเนินคดีแก่จำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.๒๔๙๗ ได้ ที่โจทก์ฎีกาว่า การซื้อลดเช็คของโจทก์คือการให้กู้ยืมเงินตามวัตถุประสงค์ของโจทก์ข้อ ๙ และข้อ ๑๐ นั้น เห็นว่าการซื้อลดเช็คกับการให้กู้ยืนเป็นนิติกรรมคนละประเภท มีกฎหมายรองรับในเรื่องรูปแบบและผลประโยชน์ผิดแยกแตกต่างกันฟังไม่ได้ว่าการซื้อลดเช็คของโจทก์อยู่ในขอบวัตถุประสงค์ของโจทก์ และที่โจทก์ฎีกาว่า การรับซื้อเช็คเป็นการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในด้านเงินทุน ไม่ถึงกับเป็นนอกวัตถุประสงค์ของโจทก์ เทียบได้กับคำพิพากษาฎีกาที่ ๓๘๓๔/๒๕๒๖ นั้น เห็นว่า คำพิพากษาฎีกาดังกล่าวเป็นเรื่องนำเช็คมาแลกเงินสด หาใช่เป็นการรับซื้อลดเช็คอันเป็นการค้าไม่ รูปคดีไม่ตรงกับคดีนี้ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น ไม่จำต้องวินิจฉัยถึงข้อฎีกาของโจทก์ที่ว่าการซื้อลดเช็คของโจทก์ต้องห้ามโดยพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๑๑ หรือไม่อีกต่อไป
พิพากษายืน

Share