คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 338/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีปืนไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตบรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษอย่างปืนดี เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าเป็นปืนชำรุด ใช้ยิงไม่ได้ ดังนี้ได้ชื่อว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษฐานมีปืนชำรุดจึงต้องยกฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีลำกล้องปืน ปลอกลำกล้อง ปืน ไก และรางปืนอย่างละ 1 อันไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ 2477 มาตรา 11, 52 กับขอให้ริบของกลาง

จำเลยรับว่า มีสิ่งของตามฟ้อง แต่ชำรุดใช้ยิงไม่ได้

ศาลชั้นต้นเรียกของกลางมาดู แล้วเห็นว่าปืนของกลางเป็นปืนชำรุดใช้ยิงไม่ได้จำเลยมีความผิดตามมาตรา 10, 57 แต่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษอย่างปืนดี ข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความจึงต่างกับที่กล่าวในฟ้อง ลงโทษไม่ได้ จึงพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ. 2477 มาตรา 10 กับ มาตรา 11 นั้นต่างกัน มาตรา 10 เป็นบทบังคับเรื่องปืนชำรุดจนใช้ต่อไปไม่ได้ มาตรา 11 เป็นเรื่องปืนดีส่วนที่โจทก์คัดค้านว่า แม้อ้างบทมาตราผิด ศาลก็ลงโทษตามบทที่ถูกต้อง คือมาตรา 57 ได้นั้น เห็นว่าปืนของกลางอยู่ในมือโจทก์มาก่อน แทนที่โจทก์จะกล่าวในฟ้องตามสภาพที่เป็นจริงว่า เป็นปืนชำรุดซึ่งพอเป็นช่องทางให้ศาลลงโทษจำเลยตามมาตรา 57 ได้ แต่โจทก์บรรยายฟ้อง และขอให้ลงโทษจำเลยอย่างปืนดี จึงได้ชื่อว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยมีปืนชำรุด จึงพิพากษายืน

Share