แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำฟ้องที่ขอให้โอนชื่อในทะเบียนรถยนต์คันพิพาทจากจำเลยมาเป็นของโจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อ เป็นการขอบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญา มิได้บังคับเอาแก่ตัวทรัพย์ หรือสิทธิหรือประโยชน์อันเกี่ยวกับทรัพย์พิพาทนั้นโดยตรงจะฟ้องต่อศาลที่ทรัพย์พิพาทนั้นตั้งอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(1) หาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่าซื้อรถยนต์จากจำเลยโดยตกลงว่าเมื่อโจทก์ชำระเงินครบตามสัญญาแล้วให้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์เป็นของโจทก์และจำเลยจะจัดการโอนสิทธิ์ทางทะเบียนให้แก่โจทก์ทันที โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้วแต่จำเลยไม่ไปโอนสิทธิทางทะเบียนให้ จึงขอให้บังคับจำเลยโอนสิทธิทางทะเบียนรถยนต์ให้โจทก์
โจทก์ยื่นคำร้องพร้อมคำฟ้องว่า จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลแพ่งกรุงเทพมหานคร แต่พยานหลักฐานตลอดจนทรัพย์สินที่พิพาทอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อความสะดวกในการพิจารณา ขออนุญาตฟ้องที่ศาลจังหวัดศรีสะเกษ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำร้องโจทก์ไม่มีเหตุอันควรที่จะอนุญาตให้ฟ้องคดีให้ยกคำร้องและมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อนุญาตให้ฟ้องคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า พิเคราะห์ฟ้องและคำขอบังคับของโจทก์แล้วเห็นว่ามูลคดีตามคำฟ้องของโจทก์เป็นกรณีอันเกิดแต่การผิดสัญญาของจำเลยเป็นข้ออ้างหรืออีกนัยหนึ่งเป็นการฟ้องขอบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาเช่าซื้ออันเป็นมูลที่เกิดขึ้นนั้นเองมิได้มีการฟ้องและขอบังคับเอาแก่ตัวทรัพย์หรือสิทธิหรือประโยชน์อันเกี่ยวกับทรัพย์พิพาทนั้นโดยตรง ฟ้องของโจทก์จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(1)
พิพากษายืน