แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนด้วยความประมาท โดยพกปืนบรรจุกระสุนไว้พร้อมที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังเดินทางไปกับผู้ตายระหว่างทางผู้ตายคว้าปืนไปจำเลยแย่งปืนกับผู้ตาย นิ้วมือจำเลยถูกไกปืน ปืนลั่นถูกผู้ตาย ข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องไม่แสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทำให้ปืนลั่นถูกผู้ตายโดยประมาท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านี้ได้แต่หาใช้ให้เพียงพอไม่ กล่าวคือ จำเลยได้พกอาวุธปืนรีวอลเวอร์บรรจุกระสุนไว้พร้อมที่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง เดินทางไปกับนายธงชัย ตันตรงดี ระหว่างทางนายธงชัยได้คว้าปืนจากกระเป๋ากางเกงด้านหลังของจำเลยจะยิงนก จำเลยจึงแย่งปืนจากนายธงชัยขณะแย่งปืนกันนั้นนิ้วมือของจำเลยถูกไกปืน ปืนลั่นขึ้นกระสุนปืนถูกนายธงชัยถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 จำคุก 1 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 จำคุก 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลดหย่อนผ่อนโทษและรอการลงโทษแก่จำเลย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยตามฟ้องไม่เป็นความผิดพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำบรรยายฟ้องของโจทก์ไม่แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีความประมาทอย่างไร การที่จำเลยพกอาวุธปืนที่บรรจุกระสุนปืนไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังก็เป็นวิสัยปกติที่สามัญชนพึงกระทำกันได้ ปืนที่ลั่นขึ้นถูกนายธงชัยถึงแก่ความตายก็เกิดจากการแย่งปืนกันระหว่างจำเลยกับผู้ตาย จำเลยมีความชอบธรรมที่จะแย่งปืนของจำเลยคืนมาจากผู้ตายได้ ผู้ตายไม่มีสิทธิอันใดที่จะคว้าปืนไปจากจำเลยและแย่งปืนของจำเลย ฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวให้เห็นว่ามีเหตุอันสมควรประการใดที่ผู้ตายจะคว้าปืนของจำเลยไปและแย่งปืนกับจำเลย การที่ขณะจำเลยแย่งปืนกับผู้ตาย แล้วนิ้วมือของจำเลยได้ถูกไกปืน ปืนจึงลั่นถูกผู้ตายโจทก์ก็มิได้บรรยายในฟ้องให้เห็นว่า พฤติการณ์เช่นนั้นเป็นการประมาทอย่างไรข้อเท็จจริงตามฟ้องได้ความว่าผู้ตายคว้าปืนของจำเลยไปถือไว้ จะให้จำเลยระมัดระวังในการแย่งปืนอย่างไรจึงไม่ให้นิ้วมือไปถูกไกปืนเห็นว่า ไม่อาจกระทำให้เป็นเช่นนั้นได้เพราะเกิดจากต่างฝ่ายต่างแย่งปืนกัน ปืนนั้นเป็นปืนพกขนาดเล็ก มิใช่การกระทำของจำเลยแต่ฝ่ายเดียว จำเลยไม่อาจระมัดระวังการกระทำของฝ่ายผู้ตายได้ ศาลฎีกาจึงเห็นว่าข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องไม่แสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทำให้ปืนลั่นถูกผู้ตายโดยประมาท
พิพากษายืน