แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกู้เงินโจทก์ไป เวลาผ่อนใช้ก็ให้โจทก์เซ็นรับรองการใช้ไว้ในสมุด ต่อมาสมุดหายจำเลยอ้างพยานบุคคลสืบความข้อนี้ได้
โจทก์จะเถียงว่าการเซ็นในสมุดไม่มีอากรแสตมป์ปิด ถือว่าไม่เป็นหลักฐานรับเงินที่ถูกต้องนั้น เถียงไม่ได้เพราะศาลฟังพยานบุคคลประกอบไม่ใช่ฟังเอกสาร.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไปหนึ่งหมื่นบาท แต่ ๘ ธันวาคม ๒๔๙๔ ยังไม่ใช้และไม่ส่งดอก จึงฟ้องให้ศาลบังคับ
จำเลยต่อสู้ว่า ยืมจริงแต่ผ่อนใช้หมดแล้ว ทุกครั้งที่ใช้โจทก์เซ็นรับไว้ในสมุด ๆ นั้นหายเสียแล้ว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยใช้แล้ว จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฏีกา
ศาลฏีกาวินิจฉัยว่า การเซ็นรับในสมุดถือว่ามีหลักฐานการใช้เงินเป็นหนังสือตามประมวลแพ่งฯ มาตรา ๖๕๓ แล้ว และการที่สมุดหาย จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบถึงการลงรับเงินไว้ในสมุด จะเถียงว่าการเซ็นรับเงินในสมุดไม่ติดอากรแสตมป์ (โดยจำเลยรับ) เป็นการใช้ไม่ได้นั้นไม่ได้ เพราะศาลฟังพยานบุคคลประกอบเพียงว่าจำเลยได้ใช้เงินแก่โจทก์แล้วตามข้อต่อสู้จริงหรือไม่เท่านั้น จึงพิพากษายืน.