คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3376/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

หลังจากหนี้ที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ขาดอายุความแล้วจำเลยได้ทำหนังสือรับว่าเป็นหนี้โจทก์ แล้วโจทก์และจำเลยลงลายมือชื่อในหนังสือนั้น จึงเป็นเรื่องคู่กรณีทำหนังสือรับสภาพความผิดโดยสัญญา ถือว่าจำเลยละเสียซึ่งอายุความจำเลยจะยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์อีกหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าสินค้าจำนวน 72,346 บาทตามที่จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ ทั้งเป็นการรับสภาพหนี้ที่ขาดอายุความแล้วจึงไม่ผูกพันจำเลย ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 57,255 บาทแก่โจทก์ จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาข้อแรกว่า เอกสารหมาย จ.1ไม่มีลักษณะเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ และพยานโจทก์เบิกความไม่น่าเชื่อถือนั้น เห็นว่า นอกจากตัวโจทก์เบิกความยืนยันว่าจำเลยติดค้างอยู่หลายบัญชี วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2527 จำเลยได้มาหาโจทก์ที่ร้านค้าของโจทก์ขอให้คิดบัญชี เมื่อคิดบัญชีกันแล้วปรากฏว่าจำเลยยังเป็นหนี้โจทก์อยู่ 72,342 บาท จึงได้ทำหลักฐานแล้วให้จำเลยลงชื่อไว้ นอกจากนี้โจทก์ได้ถามที่อยู่ของจำเลยจำเลยยังได้เขียนที่อยู่ไว้ให้ด้วย และได้ให้นางสมพร แซ่อือภรรยาโจทก์มาลงชื่อเป็นพยาน ตามเอกสารหมาย จ.1 แล้ว โจทก์ยังมีนางสมพร แซ่อือ มาเบิกความยืนยันสนับสนุนตรงกัน พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือยิ่งกว่าพยานจำเลยซึ่งมีเพียงตัวจำเลยเบิกความเป็นพยานปากเดียว แม้จำเลยจะมีใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย ล.1และ ล.2 มาแสดงว่าในวันที่ 6 มกราคม 2525 นางสาวเจริญบุตรสาวจำเลยซื้อสินค้าจากโจทก์ไปและจ่ายเงินสดให้ และในวันที่ 16กุมภาพันธ์ 2525 จำเลยซื้อสินค้าจากร้านโจทก์ไม่ได้จ่ายเงินสดให้แต่ยังค้างอยู่ 600 บาท นั้น ก็เห็นว่าเป็นการซื้อขายเฉพาะเดือนมกราคม 2525 และกุมภาพันธ์ 2525 เท่านั้น ที่ว่ายังค้างอยู่600 บาท นั้น ก็มิได้หมายความถึงหนี้ทั้งหมดตั้งแต่แรกเริ่มซื้อขายกันมา คงหมายความถึงเฉพาะที่ซื้อในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2525จำเลยชำระราคาไม่หมด คงค้างชำระอยู่ 600 บาท ซึ่งหลังจากนั้นแล้วจำเลยก็ยังได้ติดต่อซื้อสินค้าจากร้านโจทก์ตลอดมา จะเห็นได้จากคำเบิกความของจำเลยเองว่า วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2527 จำเลยยังมาซื้อสินค้าที่ร้านโจทก์อยู่ จึงเจือสมคำเบิกความของพยานโจทก์ซึ่งมีเอกสารหมาย จ.1 มาเป็นหลักฐานว่าในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2527จำเลยได้คิดบัญชีหนี้สินกับโจทก์ และทำหนังสือรับว่าเป็นหนี้โจทก์ไว้ ที่จำเลยอ้างว่า เอกสารหมาย จ.1 นั้น จำเลยเพียงเขียนชื่อที่อยู่ให้โจทก์ไว้ เนื่องจากในวันนั้นโจทก์มีสินค้าไม่ครบ ให้โจทก์ส่งไปให้ในภายหลัง แต่โจทก์มากรอกรายการหนี้ลงไปเองนั้น ก็เป็นคำเบิกความลอย ๆ ไม่มีรายละเอียดว่าซื้อสินค้าอะไรบ้าง เป็นราคาเท่าใด ได้ชำระเงินแล้วหรือไม่ ไม่มีเหตุผลให้น่าเชื่อถือได้ทั้งไม่ปรากฏสาเหตุที่จะบ่งชี้ว่าโจทก์คิดโกงจำเลยโดยกรอกรายการหนี้อันเป็นเท็จเพื่อให้จำเลยรับผิด พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อว่า จำเลยทำหนังสือรับว่าเป็นหนี้โจทก์ไว้จริง ที่จำเลยอ้างว่า หนังสือทวงหนี้ เอกสารหมาย จ.2 มีการขูดลบสระอีจากเดือนมีนาคม เพื่อให้เห็นเป็นเดือนมกราคม 2527 แสดงให้เห็นว่าโจทก์บิดเบือนความจริง นั้น เห็นว่า หนังสือทวงหนี้ เอกสารหมาย จ.2ลงวันที่ 21 มีนาคม 2527 ที่ในเอกสารดังกล่าวพิมพ์ข้อความว่าจำเลยค้างชำระมาถึงวันที่ 31 มีนาคม 2527 นั้น อาจเป็นการพิมพ์ผิดพลาดก็ได้ จึงได้ขูดลบสระอีออกเพื่อให้เป็นวันที่ 31 มกราคม 2527ตรงตามหนังสือรับว่าเป็นหนี้ เอกสารหมาย จ.1 การกระทำเพียงเท่านั้นไม่เพียงพอที่จะถือเป็นพิรุธ เมื่อฟังได้ว่าจำเลยได้ทำเอกสารหมาย จ.1 ไว้ต่อโจทก์รับว่าเป็นหนี้โจทก์จริง โดยโจทก์จำเลยและพยานลงชื่อไว้ในเอกสารดังกล่าวนี้ด้วย จึงเป็นเรื่องคู่กรณีทำหนังสือรับสภาพความรับผิดโดยสัญญา แม้ขณะทำหนังสือดังกล่าวหนี้ที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ขาดอายุความแล้ว ก็ถือว่าจำเลยได้ละเสียซึ่งอายุความ จำเลยจะยกอายุความนั้นขึ้นต่อสู้โจทก์อีกหาได้ไม่ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องตามกันมา ให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share