แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การทำสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับทรัพย์สินของเด็กตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 ผู้ใช้อำนาจปกครองจะทำได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากศาลก่อน และศาลดังกล่าวนั้นจะต้องเป็นศาลที่มีอำนาจอนุญาตด้วย
ขณะที่ผู้ใช้อำนาจปกครองทำสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับทรัพย์สินของเด็กในศาลแพ่ง ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางเปิดดำเนินการแล้ว ผู้ใช้อำนาจปกครองจึงต้องได้รับอนุญาตจากศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ.2494 มาตรา 8 ก่อนมิฉะนั้นเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวและคำพิพากษาตามยอม ไม่ผูกพันเด็ก ไม่ว่าเด็กจะรู้เห็นยินยอมหรือไม่
โจทก์ฟ้องคดีขอให้ศาลพิพากษาว่าสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างบิดาผู้ใช้อำนาจปกครองกับจำเลยร่วมเป็นโมฆะ และให้เพิกถอนเสีย การที่ศาลพิพากษาว่าสัญญาประนีประนอมยอมความไม่มีผลผูกพันเด็กนั้น ไม่เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142
คดีที่พนักงานอัยการฟ้องเพื่อประโยชน์ของเด็กในฐานะโจทก์มิใช่ฐานะทนายความ ศาลไม่สั่งให้ค่าทนายความแก่พนักงานอัยการ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายวิชัย คุรุรัตน์ จำเลย เป็นบิดาและผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรจำเลยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ได้ฟ้องขับไล่นายบุญส่ง คุรุรัตน์ ออกจากห้องแถวซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินซึ่งมีชื่อบุตรผู้เยาว์ทั้งหกของจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ต่อมาจำเลยและนายบุญส่ง คุรุรัตน์ ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยยกห้องแถวพร้อมที่ดินและบ้านอีก 3 หลัง ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของบุตรผู้เยาว์ให้แก่นายบุญส่ง คุรุรัตน์ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากบุตรผู้เยาว์ และไม่ได้รับอนุญาตจากศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางศาลแพ่งได้พิพากษาตามยอมแล้ว ปรากฏตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 5727/2510 ขอให้ศาลพิพากษาว่าสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีดังกล่าวเป็นโมฆะ และให้เพิกถอนเสีย
จำเลยให้การว่า ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับนายบุญส่งโดยบุตรผู้เยาว์ทั้งหกของจำเลยไม่ทราบ และไม่ได้รับอนุญาตจากศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางด้วย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เรียกนายบุญส่งเข้าเป็นจำเลยร่วม
นายบุญส่งจำเลยร่วมให้การว่า สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวบุตรผู้เยาว์ทั้งหกของจำเลยเห็นชอบด้วย ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมแล้วจึงชอบด้วยกฎหมาย คดีโจทก์ขาดอายุความ นายไพศาล และนายประดิษฐ์บรรลุนิติภาวะแล้วโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1534 สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจำเลยกับจำเลยร่วมเป็นการประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับทรัพย์สินของบุตรผู้เยาว์ของจำเลย เมื่อไม่ได้รับอนุญาตจากศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง และบุตรผู้เยาว์ของจำเลยไม่รู้เห็นยินยอมด้วย จึงไม่ผูกพันผู้เยาว์ คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความพิพากษาว่าสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 5727/2510 ของศาลแพ่ง ไม่ผูกพันบุตรผู้เยาว์ทั้งหกของจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายเป็นพับ
จำเลยร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยร่วมใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์250 บาทแทนโจทก์
จำเลยร่วมฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 958 พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นกรรมสิทธิ์ของบุตรทั้งหกของจำเลย จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยมิได้รับอนุญาตจากสาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง และวินิจฉัยว่าการทำสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับทรัพย์สินของเด็กจำต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 และศาลที่จะอนุญาตให้ผู้ใช้อำนาจปกครองทำนั้น จะต้องเป็นศาลที่มีอำนาจอนุญาตด้วยขณะจำเลยและจำเลยร่วมทำสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางได้เปิดดำเนินการแล้ว ศาลที่มีอำนาจคือศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง จำเลยต้องได้รับอนุญาตจากศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางก่อนตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 8เมื่อจำเลยทำไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางสัญญาประนีประนอมยอมความจึงขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1546 (อ้างฎีกาที่ 1954/2505)
แม้โจทก์จะขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่ศาลก็มีอำนาจพิพากษาว่าสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาไม่ผูกพันบุตรทั้งหกของจำเลยได้ (อ้างฎีกา 1407/2494) ไม่เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
การทำนิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินของเด็กตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 นั้น เมื่อผู้ใช้อำนาจปกครองไม่ได้รับอนุญาตจากศาลที่มีอำนาจอนุญาต นิติกรรมนั้นก็ไม่ผูกพันเด็กไม่ว่าเด็กจะรู้เห็นยินยอมหรือไม่
ที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยร่วมใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เพราะพนักงานอัยการ กรมอัยการเข้าดำเนินคดีนี้ในฐานะเป็นโจทก์มิใช่ในฐานะทนายความ จำเลยร่วมจึงไม่ต้องใช้ค่าทนายความแทนโจทก์
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไม่สั่งให้จำเลยร่วมใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์