แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วสูงปราศจากความระมัดระวัง เมื่อจำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์แซงรถยนต์ปิกอัพแล้วหากจำเลยต้องการจะแซงรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับขี่ จำเลยสามารถที่จะแซงได้ทันทีเพราะขณะนั้นบนถนนไม่มีรถแล่นสวนมาแต่การที่จำเลยไม่แซงทันทีโดยปักปาดหน้ารถยนต์ปิกอัพเข้าทางด้านซ้ายเสียก่อนแล้วจึงหักออกทางด้านขวาเพื่อแซงรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับขี่อีกนั้น เป็นการกระทำที่อาจเกิดอันตรายได้เนื่องจากระยะห่างระหว่างรถยนต์ปิกอัพกับรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับขี่นั้นมีเพียงไม่เกิน 15 เมตร น้อยเกินไปกว่าที่จำเลยจะกระทำเช่นนั้นได้ และการกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์ทั้งสองคันชนกันล้มกลิ้งครูดไปตามถนน เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 157
จำเลยให้การปฎิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางสุวรรณ ภัณฑารักษ์สกุล ภริยานายวิสุทธิ์ ภัณฑารักษ์สกุล ผู้ตายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522มาตรา 43, 157 ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 2 ปี คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นที่โจทก์และจำเลยไม่โต้เถียงกันฟังได้ว่า วันเวลาเกิดเหตุ จำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์ชนรถจักรยานยนต์ซึ่งผู้ตายขับขี่อยู่ เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์ทั้งสองคันล้มครูดไปกับถนน คนทั้งสองได้รับบาดเจ็บและผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ข้อที่ต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกามีว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ นายชุมพลพยานโจทก์เบิกความว่า ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์คู่มากับผู้ตาย พอมาถึงหน้าโรงน้ำปลาตรานกนางแอ่นที่เกิดเหตุ นายชุมพลบอกผู้ตายว่าจะรีบไปเที่ยวงานหลวงพ่อบ้านแหลมต่อแล้วเร่งเครื่องยนต์ขึ้นหน้ารถจักรยานยนต์ของผู้ตายไปได้ประมาณ 15เมตร ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถจักรยานยนต์อีกคันหนึ่งดังกลั่นขึ้นทางด้านหลังและมีเสียงดังโครมและเสียงเครื่องยนต์เงียบหายไป นายชุมพลจึงชะลอรถจักรยานยนต์แล้วหันไปดูเห็นรถจักรยนต์ของผู้ตายกับรถจักรยานยนต์ของจำเลยชนกันล้มกลิ้งครูดไถไปตามถนน และนายสมพงษ์ ตันกิม พยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความว่านายสมพงษ์ขับรถยนต์ปิดอัพตามหลังรถจักรยานยนต์ที่นายชุมพลและผู้ตายขับขี่ห่างประมาณ 15 เมตร พอถึงที่เกิดเหตุ จำเลยซึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังรถยนต์ปิกอัพมาด้วยความเร็วสูงนั้นได้ขับขี่แซงรถยนต์ปิดอัพของนายสมพงษ์พอพ้นไปประมาณ 5-6 เมตร ก็หักปาดหน้ารถยนต์ปิกอัพเข้าทางด้านซ้าย และหักออกทางด้านขวาอีกทันทีเพื่อจะแซงรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับขี่ แต่ไม่พ้น จึงชนรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับขี่ประจักษ์พยานโจทก์ทั้งสองปากเบิกความสอดคล้องต้องกัน และตามแผนที่สังเขปแสดงบริเวณที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ.2 มีรอยครูดยาว3.2 เมตร ด้านซ้ายของเส้นแบ่งกึ่งกลางถนนและมีเศษกระจกตกอยู่หน้ารอยครูดนี้ แสดงว่ารถจักรยานยนต์ทั้งสองคันชนกันบนถนนด้านซ้ายของเส้นแบ่งกึ่งกลางถนน เมื่อรถจักรยานยนต์ล้มครูดไปตามถนนจึงเกิดรอยครูดดังกล่าวซึ่งเป็นหลักฐานสนับสนุนคำเบิกความของประจักษ์พยานทั้งสองให้มีน้ำหนักยิ่งขึ้น คดีฟังได้ว่าจำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วสูง แซงรถยนต์ปิกอัพของนายสมพงษ์ขึ้นไปชนรถจักรยานยนต์ของผู้ตายซึ่งแล่นอยู่ข้างหน้า ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผู้ตายเลี้ยวรถจักรยานยนต์กลับโดยกระทันหันโดยไม่ดูรถที่แล่นตามหลังมาเป็นเหตุให้ชนกับรถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับขี่และกำลังจะแซงดังจำเลยต่อสู้ เพราะถ้าเป็นเหตุการณ์ดังกล่าว รถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับขี่จะต้องถูกชนบนถนนด้านขวาของเส้นแบ่งกึ่งกลางถนน จำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วสูงปราศจากความระมัดระวัง เมื่อจำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์แซงรถยนต์ปิกอัพของนายสมพงษ์แล้ว หากจำเลยต้องการจะแซงรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับขี่ จำเลยสามารถที่จะแซงได้ทันที เพราะขณะนั้นบนถนนไม่มีรถแล่นสวนมา แต่การที่จำเลยไม่แซงทันทีโดยหักปาดหน้ารถยนต์ปิดอัพเข้าทางด้านซ้ายเสียก่อนแล้วจึงหักออกทางด้านขวาเพื่อแซงรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับขี่อีกนั้น เป็นการกระทำที่อาจเกิดอันตรายได้ เนื่องจากระยะห่างระหว่างรถยนต์ปิกอัพกับรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับขี่นั้นมีเพียงไม่เกิน 15 เมตร น้อยเกินไปกว่าที่จำเลยจะทำเช่นนั้นได้และการกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์ทั้งสองคันชนกันล้มกลิ้งครูดไปตามถนนเข้าไปในถนนด้านขวา จำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความคึกคะนองปราศจากความระมัดระวังโฉบซ้ายโฉบขวา ชนกับรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับขี่เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง”