คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3364/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่คู่ความจะอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นอย่างไรบ้างนั้น จะดูเพียงหัวเรื่องที่หน้าอุทธรณ์ว่าอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษา เพียงอย่างเดียวไม่ได้เมื่ออุทธรณ์ของจำเลยได้แยกเป็นข้อ ก. ปัญหาข้อเท็จจริงข้อข.ปัญหาข้อกฎหมายในปัญหาข้อกฎหมายนั้น ได้บรรยายว่า ตามที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ส่งประเด็นไปสืบพยานจำเลยไม่ชอบด้วยเหตุผลและเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เพราะพยานที่ศาลชั้นต้นสั่ง ตัดนั้นล้วนแต่เกี่ยวข้องกับคดีและได้กล่าวถึง ข้อที่ พยานเหล่านั้นจะมาเบิกความเกี่ยวกับประเด็นในคดีอย่างไรดังนี้ เป็นการอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่ง ตัดพยานจำเลยแล้ว และเป็นการอุทธรณ์ คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณ เป็นราคาเงินได้และ ไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้รวมอยู่ด้วย จำเลยจึงคงเสียค่าขึ้นศาลแต่เพียงใน คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ตาม ตาราง 1(3) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจ รับพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์นำรถยนต์บรรทุกยี่ห้อฮีโน่ หมายเลขทะเบียน ก.จ.06787หมายเลขเครื่อง อี.เอช. 100-56556 เลขคัสซี เค.ที. 920-10128 ซึ่งเช่าซื้อจากบริษัทไทยฮีโน่มอเตอร์เซลล์ จำกัด ไปประกันภัยไว้กับจำเลย สัญญาว่าหากเกิดวินาศภัยขึ้นระหว่างอายุสัญญาเนื่องจากการลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์จำเลยจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์เป็นเงิน 250,000 บาท ระหว่างอายุสัญญาประกันภัยรถยนต์ดังกล่าวถูกคนร้ายชิงทรัพย์ไป โจทก์แจ้งจำเลยแล้วจำเลยไม่ชำระค่าสินไหมทดแทน ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยเคยรับประกันภัยรถยนต์ของโจทก์คันหมายเลขเครื่องยนต์อี.เอช. 100-68373 หมายเลขคัสซี 920-12229 ไม่ใช่คันที่โจทก์ฟ้อง โจทก์ได้ใช้อุบายแจ้งเปลี่ยนแปลงเลขเครื่องยนต์เป็น อี.เอช. 100-56556 และเลขคัสซีเป็น เค.ที. 920-10128 และแจ้งว่าได้รับหมายเลขทะเบียนจากทางราชการเป็นก.จ.06787 รถยนต์คันที่โจทก์นำมาประกันภัยกับจำเลย มิได้มีการเปลี่ยนแปลงหมายเลขเครื่องยนต์ หมายเลขคัสซี และมีหมายเลขทะเบียนตามที่โจทก์แจ้งและมิได้ถูกชิงทรัพย์ไป โจทก์ทำอุบายเพื่อหวังเรียกร้องเงินตามสัญญาประกันภัยขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินแก่โจทก์จำนวน 272,265.25 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาสืบพยานต่อไป แล้วพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า คดีนี้จำเลยยื่นอุทธรณ์ปรากฏชัดที่หน้าอุทธรณ์ว่า จำเลยยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาแต่อย่างเดียว โดยไม่ระบุว่าประสงค์อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น ทั้งจำเลยเสียค่าขึ้นศาลเฉพาะการอุทธรณ์คำพิพากษาในทุนทรัพย์ 272,656.25 บาท มาอย่างเดียวจำนวน 6,817.50 บาทการที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ เห็นว่าการที่จำเลยจะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นอย่างไรบ้าง จะดูเพียงที่หัวเรื่องที่หน้าอุทธรณ์เพียงอย่างเดียวไม่ได้ อุทธรณ์ของจำเลยนั้นได้แยกเป็นข้อ ก. ปัญหาข้อเท็จจริง ข้อ ข. ปัญหาข้อกฎหมาย ในปัญหาข้อกฎหมายนั้น จำเลยบรรยายว่าตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยส่งประเด็นไปสืบพยานจำเลยตามที่จำเลยได้ยื่นคำร้องไว้ ทั้งนี้ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยเห็นว่าไม่ชอบด้วยเหตุผล และเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งกล่าวคือ พยานที่ศาลชั้นต้นไม่ยอมให้จำเลยนำสืบ ล้วนแต่เป็นพยานสำคัญเกี่ยวแก่คดีโดยตรง และจำเลยได้กล่าวถึงว่าพยานที่ศาลชั้นต้นสั่งตัด จะมาเบิกความเกี่ยวกับประเด็นในคดีอย่างไร เห็นได้ว่า จำเลยได้อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งตัดพยานจำเลยแล้ว ส่วนที่จำเลยมิได้เสียค่าขึ้นศาลสำหรับการอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งตัดพยานจำเลยนั้น เห็นว่าอุทธรณ์ของจำเลยเป็นการอุทธรณ์คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ และไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้รวมอยู่ด้วย จำเลยจึงคงเสียค่าขึ้นศาลแต่เพียงในคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ตามตาราง 1(3) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง การที่ศาลอุทธรณ์รับพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงเป็นการชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share