คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3363/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองนำเครื่องฉีดพลาสติกและรถตู้เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อร่วมงานแสดงสินค้า โดยได้รับยกเว้นภาษีอากรภายใต้เงื่อนไขว่าต้องส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรภายใน 6 เดือนนับแต่วันนำเข้าและทำทัณฑ์บนวางเงินสด 210,000 บาท พร้อมกับทำสัญญาประกันไว้ต่อโจทก์ที่ 1 โดยสัญญาว่าเงิน 210,000 บาทนี้ หากภายหลังปรากฎว่าไม่คุ้มกับค่าภาษีอากรที่จะพึงชำระยังขาดอีกเท่าใด จำเลยที่ 1 ยินยอมชำระเพิ่มให้ครบถ้วนโดยถือว่าเป็นการชำระเพิ่มเติม เนื่องจากการผิดสัญญาแสดงให้เห็นว่า สัญญาประกันดังกล่าวเป็นประกันค่าภาษีอากรที่โจทก์ที่ 1 ยกเว้นให้จำเลยที่ 1 โดยมีเงื่อนไข เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาประกัน โจทก์ที่ 1 ริบเงินประกันไปจึงเป็นการริบไว้เป็นค่าภาษีอากรที่ยกเว้นให้ เมื่อเงินประกันที่โจทก์ที่ 1 ริบไปคุ้มค่าภาษีอากรที่จำเลยที่ 1ต้องชำระแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าภาษีอากรอีก

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2532 จำเลยที่ 1 ได้นำเอาเครื่องพลาสติกและรถตู้จากเมืองฮ่องกงเข้ามาในราชอาณาจักรโดยจำเลยที่ 1 ยื่นใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้า พร้อมกับยื่นคำร้องขอทำสัญญาประกันทัณฑ์บนไว้ต่อโจทก์ที่ 1 ว่านำสินค้าเข้ามาเพื่อร่วมในงานแสดงสินค้าโดยจะส่งกลับออกไปภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน นับแต่วันนำเข้า โจทก์ที่ 1พิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกเว้นอากรภายใต้เงื่อนไขต้องส่งกลับออกไปภายในกำหนด 6 เดือน นับแต่วันนำเข้า และให้จำเลยที่ 1ทำทัณฑ์บนวางเงินสดไว้ 210,000 บาท พร้อมกับทำสัญญาประกันต่อโจทก์ที่ 1 ต่อมาเมื่อพ้นกำหนด 6 เดือน นับแต่วันนำเข้าจำเลยที่ 1 มิได้ส่งสินค้าออกไปตามสัญญาประกันและทัณฑ์บนที่ทำไว้ โจทก์ที่ 1 จึงริบเงินประกันและให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าภาษีอากรตามที่จำเลยที่ 1 ได้สำแดงไว้ในใบขนสินค้าคือ อากรขาเข้า 112,879 บาท ภาษีการค้า 28,117 บาท และภาษีบำรุงเทศบาล 2,811 บาท แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระและไม่อุทธรณ์ภายใน 30 วัน จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดชำระเงินเพิ่มอากรขาเข้า คำนวณถึงวันฟ้อง 45,151.60 บาท เงินเพิ่มภาษีการค้าคำนวณถึงวันฟ้อง 16,026.88 บาท และเงินเพิ่มภาษีบำรุงเทศบาลร้อยละสิบของเงินเพิ่มภาษีการค้า 1,602.69 บาท รวมเงินภาษีอากรและเงินเพิ่มภาษีอากรต่าง ๆ ที่จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดทั้งสิ้น 206,588.17 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินภาษีอากร 206,588.17 บาท พร้อมด้วยเงินเพิ่มอากรขาเข้าในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนจากต้นเงินอากรขาเข้า 112,879 บาท เป็นรายเดือนนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ เงินเพิ่มภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนจากต้นเงินภาษีการค้า 28,117 บาท เป็นรายเดือนนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ไม่เกินภาษีการค้าคือ 28,117 บาทและเงินเพิ่มภาษีบำรุงเทศบาลเป็นรายเดือน ในอัตราร้อยละสิบของเงินเพิ่มภาษีการค้าแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองได้นำสินค้าคือเครื่องฉีดพลาสติกและรถตู้เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อร่วมในงานแสดงสินค้าและได้ขออนุมัติโจทก์ที่ 1 ให้ยกเว้นอากรภายใต้เงื่อนไขว่าต้องส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรภายใน 6 เดือน นับแต่วันนำเข้า เจ้าพนักงานของโจทก์ที่ 1บันทึกว่าต้องทำทัณฑ์บนวางเงินสดหรือให้ธนาคารค้ำประกันค่าอากรไว้ หัวหน้างานประเมินอากรของโจทก์ที่ 1 จึงประเมินอากรโดยมีรายละเอียดแสดงถึงจำนวนภาษีอากรที่จำเลยสำแดงเงินเพิ่มอากร 20 เปอร์เซ็นต์ และเงินเพิ่มอากร 2 เปอร์เซ็นต์เป็นเวลา 6 เดือน รวมเป็นค่าภาษีอากรทั้งสิ้น 189,823 บาทและเสนอความเห็นว่าควรให้จำเลยวางประกัน 210,000 บาทโจทก์ที่ 1 อนุมัติ และได้ให้จำเลยที่ 1 ทำสัญญาประกันไว้210,000 บาท โดยมีข้อความในสัญญาด้วยว่า เงินจำนวนที่กำหนดไว้นี้ หากภายหลังปรากฎว่าไม่คุ้มกับค่าภาษีอากรที่จะพึงชำระหากของที่จำเลยนำเข้าไม่ได้รับยกเว้นอากรแล้ว ยังขาดอีกเท่าใดจำเลยที่ 1 ยินยอมชำระเพิ่มให้ครบถ้วนโดยถือว่าเป็นการชำระเพิ่ม เนื่องจากการผิดสัญญา แสดงให้เห็นว่า สัญญาประกันเป็นประกันค่าภาษีอากรที่โจทก์ที่ 1 ยกเว้นให้จำเลยที่ 1โดยมีเงื่อนไข เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาประกัน โจทก์ที่ 1ริบเงินประกันไป จึงเป็นการริบไว้เป็นค่าภาษีอากรที่ยกเว้นให้ไปนั้นเอง เงินประกันที่โจทก์ที่ 1 ริบไปคุ้มค่าภาษีอากรที่จำเลยที่ 1 ต้องชำระแล้ว โจทก์ทั้งสอง จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าภาษีอากรตามฟ้อง
พิพากษายืน

Share