คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3361/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ยกฟ้องโจทก์ที่ฟ้องจำเลยให้เพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับการซื้อขายและการจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ และยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ขอให้ห้ามจำเลยที่ 1 จำหน่ายจ่ายโอนที่ดินทั้งสองแปลงพร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินและห้ามจำเลยที่ 1 รื้อถอนทำลายสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวศาลอุทธรณ์สั่งห้ามจำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาทในระหว่างอุทธรณ์เว้นแต่นิติกรรมไถ่ถอนจำนองและห้ามจำเลยที่ 1 รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทด้วยจำเลยที่ 1 ฎีกาคำสั่ง ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนขายที่ดินเฉพาะส่วนของโจทก์และจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงร่วมกับจำเลยที่ 1 กับเพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมจำนองระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่เกี่ยวกับที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์ ดังนี้ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงไม่จำเป็นแก่คดีและที่จำเลยที่ 1 ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลยที่ 1 ต่อไป ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 1

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับการซื้อขายและการจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ แล้วจดทะเบียนลงชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมในโฉนดที่ดินตามฟ้อง จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามฟ้องโดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยสุจริตจากนายศุภชัย ตรีทศเดช พี่ชายของโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้ทำนิติกรรมซื้อขาย จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ รับจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ ๑ ไว้โดยถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยที่ ๓ ให้การว่า เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ ๓ จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการซื้อขายที่ดินตามฟ้องตามความประสงค์ของโจทก์และโดยสุจริต ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ และยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ขอให้ห้ามจำเลยที่ ๑ จำหน่ายจ่ายโอนที่ดินทั้งสองแปลงพร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน และห้ามจำเลยที่ ๑ รื้อถอนทำลายสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว
ศาลอุทธรณ์สั่งว่า ห้ามจำเลยที่ ๑ ทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาทในระหว่างอุทธรณ์เว้นแต่นิติกรรมไถ่ถอนจำนอง และห้ามจำเลยที่ ๑ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทด้วย
จำเลยที่ ๑ ฎีกาคำสั่ง
ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนขายที่ดินเฉพาะส่วนของโจทก์ระหว่างนายศุภชัยกับจำเลยที่ ๑ และจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวทั้งสองแปลงร่วมกับจำเลยที่ ๑ กับเพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมจำนองระหว่างจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่เกี่ยวกับที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์เสีย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่าตามที่โจทก์ร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งแล้วนั้นบัดนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนขายที่ดินเฉพาะส่วนของโจทก์และลงชื่อโจทก์เป็นเจ้าของแล้ว คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงไม่จำเป็นแก่คดีและที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลยที่ ๑ ต่อไปแต่ประการใด
พิพากษายกฎีกาของจำเลยที่ ๑

Share