คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 336/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมลงนามเป็นพยานในพินัยกรรมด้วยนั้น มีผลทำให้เป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมนั้นไม่ได้ แต่สภาพแห่งการลงนามเป็นพยานในพินัยกรรมหาเสียตามไปไม่ คงยังถือว่าเป็นพยานในพินัยกรรมนั้น และพินัยกรรมนั้นยังสมบูรณ์อยู่ สำหรับผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมที่ไม่ได้ลงนามเป็นพยานด้วย
ผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมลงนามเป็นผู้รับมอบทรัพย์ตามพินัยกรรมนั้นได้ ไม่ถือว่าการลงนามนั้นเป็นพยานในพินัยกรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายแปลก นางหม้งตายไปแล้ว โดยนางหม้งตายเมื่อ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๐๑ ก่อนตายนางหม้งมีที่ดินสวนยาง ๒ แปลง แปลงก. ราคา ๔,๐๐๐ ่บาท แปลงข. ราคา ๒,๐๐๐ บาท โจกท์เป็นบุตรผู้ตาย จึงครอบครองต่อมา เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๐๑ จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอรับมรดกที่สวนยางทั้งสองแปลง โดยจำเลยที่ ๑ ขอรับอ้างว่านางหม้งทำพินัยกรรมยกให้ ในพินัยกรรมมีชื่อโจทก์เป็นพยานด้วย จึงเป็นพินัยกรรมที่ใช้ไม่ได้ตามกฎหมาย ขอให้พิพากษาแสดงว่าสวนยางตามฟ้องเป็นของโจทก์โดยรับมรดกตกทอดจากนางหม้ง
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า พินัยกรรมชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ก็เป็นคนหนึ่งที่รับทรัพย์ตามพินัยกรรมด้วย ทรัพย์สินตามพินัยกรรมตกเป็นของจำเลยแล้ว แต่โจทก์ละเมิดสิทธิเข้ากรีดยางในสวนยางของจำเลย จึงฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหาย ๖,๙๐๐ บาท
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า สวนยางเป็นของโจทก์ ๆ ไม่ต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นเห็นว่า เอกสาร ล. มิใช่พินัยกรรม แต่เห็นว่าเอกสาร ล. ๑ เป็นหนังสือยกให้อันทำขึ้นโดยสุจริต สวนยางพิพาทได้โอนไปยังจำเลยทั้งสองก่อนนางหม้งตาย จึงมิใช่มรดกที่จะตกทอดมายังโจทก์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อูทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเอกสาร ล. ๑ ทำขึ้นโดยสุจริต และเห็นว่าข้อความในเอกสารเป็นข้อกำหนดการเผื่อตาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔๖ แบ้ว เอกสาร ล. ๑ จึงเป็นพินัยกรรม แต่ปรากฏว่า ในพินัยกรรมมีพระภิกษุชุ่มเป็นผู้รับมอบ นายพูนและนางสาวเสงี่ยมลงนามเป็นพยาน เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕๓, ๑๗๐๕ เมื่อตัดนายพูน นาวงสาวเสงี่ยม ออกแล้วเหลือพยานคนเดียวที่เซ็นว่า ต. กลสามัย เท่านั้น จึงฝ่าฝืนมาตรา ๑๖๕๓, ๑๖๕๖ เป็นโมฆะเสียเปล่า ใช้ไม่ได้ตามมาตรา ๑๗๐๕ ไม่มีผลแก่ผู้ร้องรับทรัพย์ จึงฝ่าฝืนมาตรา ๑๖๕๓, ๑๖๕๖ เป็นโมฆะเสียเปล่า ออกแล้วก็เหลือพยานคนเดียวที่เซ็นต์ว่า ต. กลสามัญ เท่านั้น จึงฝ่าฝืนมาตรา ๑๖๕๓, ๑๖๕๖ เป็นโมฆะเสียเปล่า ใช้ไม่ได้ตามมาตรา ๑๗๐๕ ไม่มีผลแก่ผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรม จึงพิพากษากลับว่าสวนยางพิพาทเป็นมรดก่ของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง ให้ยกฟ้องแย้งจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เอกสาร ล. ๑ ได้ทำขึ้นโดยสุจริต และมีข้อความอันเป็นคำสั่งเผื่อตายเป็นพินัยกรรมแล้ว แต่มีปัญหาว่า เป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์หรือไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕๓ บัญัติว่า ผู้เขียนหรือพยานในพินัยกรรมจะเป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมไม่ได้ แต่ในพินัยกรรมนี้มีนายพูน โจทก์ และนางเสงี่ยมจำเลยที่ ๒ ลงนามเป็นพยาน ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๖๕๓, ๑๗๐๕ จึงไม่มีผลแก่บุคคลทั้งสองซึ่งเป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรม ทรัพย์ตามพินัยกรรมที่ระบุให้แก่บุคคลทั้งสองต้องตกเป็นของทายาทนางหม้ง คือนายพูน โจทก์
แต่พินัยกรรม ล. ๑ นี้ แม้นายพูนโจทก์และนางสาวเสงี่ยมจำเลยที่ ๒ จะไม่มีสิทธิได้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมก็ตาม แต่สภาพแห่งการเป็นพยานของนายพูนโจทก์ และนางเสงี่ยมจำเลยในพินัยกรรมได้เสียหายไปด้วยไม่ พินัยกรรมนี้จึงมีพยานลงนาม ๓ คน คือโจทก์ นางสาวเสงี่ยม ต. กรรณัฐ เป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์ ส่วนจำเลยที่ ๑ ลงชื่อเป็นผู้รับมอบพินัยกรรม หาได้ลงชื่อเป็นพยานหรือผู้เขียนด้วยไม่ ฉะนั้น พินัยกรรมที่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๑ จึงใสช้ได้ตามกฎหมาย นัยฎีกาที่ ๗๒๐/๒๔๘๙, ๕๒/๒๕๐๑
พิพากษาแก้ว่า เฉพาะสวนยางพิพาทหมาย ก. ท้ายฟ้อง เป็นของจำเลยที่ ๑ ห้ามโจทก์และบริวารเกี่ยวข้อง ส่วนสวนยางพิพาทหมาย ข ท้ายฟ้อง เป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง

Share