คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 336/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องอ้างว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์ให้จำเลยยึดถือครอบครองไว้แทนเพื่อหลบหลีกไม่ให้ถูกยึดทรัพย์
บัดนี้จำเลยจะขายที่พิพาทนี้โจทก์จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องฝ่ายจำเลยก็ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยจำเลยครอบครองโดยอำนาจของตนเองหาได้ครอบครองไว้แทนโจทก์ไม่ดังนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขอให้แสดงสิทธิเป็นเจ้าของที่พิพาทห้ามจำเลยเกี่ยวข้องหาใช่เป็นการฟ้องเรียกทรัพย์คืนโดยอาศัยนิติกรรมการฝากทรัพย์ไม่ฉะนั้นจะยกเอาอายุความเรื่องการฝากทรัพย์ขึ้นวินิจฉัยไม่ได้ และประเด็นในคดีนี้คงมีเพียงว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยยึดถือครอบครองแทนจริงหรือไม่ ถ้าเป็นความจริง และจำเลยมิได้บอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือครอบครองแล้วแม้จำเลยจะครอบครองมาช้านานเพียงใด ก็หาได้สิทธิเป็นเจ้าของไม่ โจทก์ยังคงเป็นเจ้าของอยู่ตลอดมา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์แพ้คดีนางนำ ๆ ขู่ว่าจะฟ้องร้องยึดทรัพย์โจทก์จึงคบคิดกับจำเลยซึ่งเป็นพี่เอาสวนยางพิพาทมอบให้จำเลยยึดถือไว้แทน เพื่อหลบหลีกการยึดทรัพย์ บัดนี้จำเลยจะขายสวนพิพาทนี้แก่ผู้อื่น จึงขอให้ศาลพิพากษาว่า สวนยางพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง ฯลฯ

จำเลยต่อสู้ว่า สวนยางพิพาทเป็นของจำเลย จำเลยหักสร้างและใช้สิทธิครอบครองมา 20 ปีเศษแล้ว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า สวนยางพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยเป็นแต่ผู้รับฝากไว้ให้ครอบครองแทน จึงห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้อง ฯลฯ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า แม้จะฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยเป็นผู้รับฝากไว้ให้ครอบครองแทนก็ตาม แต่ในการใช้สิทธิเรียกร้องทรัพย์ที่ฝากคืนจากจำเลยจะต้องฟ้องเสียภายใน 10 ปี เรื่องนี้ฝากกันมา 11 ปีแล้ว จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์อ้างว่าเป็นที่ของโจทก์ ให้จำเลยยึดถือครอบครองแทนไว้เพื่อหลบหลีกไม่ให้ถูกยึดทรัพย์ ฝ่ายจำเลยก็สู้ว่าเป็นที่ดินของจำเลยครอบครองโดยอำนาจของตนเอง หาได้ครอบครองไว้แทนโจทก์ไม่ จึงเป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขอให้แสดงสิทธิเป็นเจ้าของที่พิพาท ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง หาใช่เป็นการฟ้องเรียกทรัพย์คืน โดยอาศัยนิติกรรมการฝากทรัพย์ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ยกเอาอายุความเรื่องการขายฝากทรัพย์ขึ้นวินิจฉัยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นด้วย ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยคงมีว่า สวนพิพาทรายนี้เป็นของโจทก์ให้จำเลยยึดถือครอบครองแทนจริงหรือไม่ หากว่าเป็นความจริง และจำเลยมิได้บอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือครอบครองแล้ว แม้จำเลยจะครอบครองมาช้านานเพียงใดก็หาได้สิทธิเป็นเจ้าของไม่ จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดข้อเท็จจริง แล้วพิพากษาใหม่

Share