คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3354/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่พนักงานสอบสวนมิได้แจ้งฝ่ายทหารให้มาฟังการสอบสวนผู้ต้องหาซึ่งเป็นทหารตามข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทยนั้น กฎหมายมิได้บัญญัติว่าเป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบ
พวกของจำเลยมีและใช้อาวุธมีดปลายแหลมในการกระทำผิดแต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีอาวุธ ดังนั้น การที่พวกของจำเลยมีและใช้อาวุธมีดปลายแหลมดังกล่าว จะถือว่าจำเลยร่วมกับพวกพกพาอาวุธมีดปลายแหลมนั้นไปในทางสาธารณะ ในหมู่บ้านด้วย หาได้ไม่
จำเลยทำร้ายและฆ่าผู้ตายโดยเจตนาให้พวกของจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้ตาย ดังนี้ การที่จำเลยกับพวกปลดเอาทรัพย์ของผู้ตายก่อนหลบหนี เห็นได้ว่าเป็นการกระทำโดยเจตนาที่เกิดขึ้นในขณะนั้น จึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ มิใช่ฐานปล้นทรัพย์.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91,276, 277 ตรี, 295, 340, 340 ตรี, 288, 289, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิพระราชบัญญัติรับราชการทหารพ.ศ.2497 เห็นว่าตามข้ออ้างของจำเลยที่ 1 กฎหมายมิได้บัญญัติให้เป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบทั้งตามคำให้การพยานและผู้ต้องหาในชั้นสอบสวนที่โจทก์อ้างส่งศาลก็ปรากฏเพียงว่าฝ่ายทหารร่วมฟังการสอบสวนด้วยไม่ตลอดเท่านั้น ระหว่างเกิดเหตุจำเลยที่ 1รับจ้างผู้อื่นเข้ารับราชการเป็นทหารประจำการอันเป็นความผิดต่อกฎหมายจำเลยที่ 1 หาได้เป็นทหารประจำการโดยชอบซึ่งจะต้องแจ้งให้ฝ่ายทหารร่วมฟังการสอบสวนด้วยตามข้อตกลงดังกล่าวไม่การสอบสวนชอบด้วยกฎหมายแล้วพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้ตายทั้งสองอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงเป็นเหตุให้ผู้ตายทั้งสองถึงแก่ความตายและฆ่าผู้ตายทั้งสองโดยกระทำทารุณโหดร้ายการที่จำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราและฆ่าผู้ตาย 2 คนดังที่ได้วินิจฉัยมาดังกล่าวนั้นการกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิด 2 กรรมส่วนความผิดฐานพาอาวุธมีดปลายแหลมไปในทางสาธารณะในหมู่บ้านโดยไม่รับอนุญาตและความผิดฐานปล้นทรัพย์ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดด้วยนั้นพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบได้ความว่ามีคนร้ายเพียง 2 คนคือคนร้ายที่คุมตัวนางนางและคนร้ายที่คุมตัวนางติวใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ขู่นางนางและนางติวในขณะที่จำเลยที่ 1 จับนางสาวสมพรผู้ตายไปทางหลังบ้านแต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 มีอาวุธใด ๆ การที่คนร้ายซึ่งเป็นพวกของจำเลยที่ 1 มีและใช้อาวุธมีดปลายแหลมดังกล่าวจะถือว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับพวกพกพาอาวุธมีดปลายแหลมนั้นไปในทางสาธารณะในหมู่บ้านตามฟ้องหาได้ไม่ส่วนความผิดฐานปล้นทรัพย์ซึ่งนางนางเบิกความว่าเมื่อไปดูศพผู้ตายทั้งสองปรากฏว่าทรัพย์สินที่ติดตัวผู้ตายทั้งสองสูญหายไปนั้นเมื่อพิเคราะห์ประกอบคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ซึ่งให้การรับสารภาพว่าเมื่อร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราและทำร้ายผู้ตายทั้งสองจนแน่นิ่งไปแล้ว ก่อนหลบหนีได้ร่วมกันปลดเอาทรัพย์ของผู้ตายทั้งสองไปจำเลยที่ 1เป็นผู้ปลดเอาสร้อยคอทองคำนาฬิกาข้อมือของนางสาวสมพรผู้ตายและปลดเอานาฬิกาข้อมือของนางสมภารผู้ตายไปด้วยตามข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1 กับพวกปลดเอาทรัพย์ที่ติดตัวผู้ตายทั้งสองไปพฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวการที่จำเลยที่ 1 ทำร้ายและฆ่าผู้ตายทั้งสองก็โดยเจตนาให้พวกของจำเลยที่1 ข่มขืนกระทำชำเราผู้ตายทั้งสองเท่านั้นมิได้ทำร้ายและฆ่าผู้ตายทั้งสองโดยเจตนาปล้นทรัพย์และการที่จำเลยที่ 1 กับพวกปลดเอาทรัพย์ของผู้ตายทั้งสองไปก่อนหลบหนีนั้นเห็นได้ว่าเป็นการกระทำโดยเจตนาที่เกิดขึ้นในขณะนั้นคือขณะที่จำเลยที่ 1กับพวกกำลังจะหลบหนีไป การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นเพียงความผิดฐานลักทรัพย์ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานพกพาอาวุธมีดปลายแหลมไปในทางสาธารณะในหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตและปล้นทรัพย์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคสอง, 277 ตรี, 289, 335 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2525 มาตรา 3 พระราชบัญญัติรับราชการทหารพ.ศ.2497 มาตรา 45 พระราชบัญญัติรับราชการทหาร (ฉบับที่4) พ.ศ.2516 มาตรา 11 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21พฤศจิกายน 2514 ข้อ 7, 8 เฉพาะความผิดฐานฆ่าผู้ตายและข่มขืนกระทำชำเราผู้ตายคนหนึ่งซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 และมาตรา 276 วรรคสอง, 277 ตรีนั้นเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทและความผิดดังกล่าวทั้งสองฐานมีอัตราโทษเท่ากันจึงให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 รวม 2กระทงให้ประหารชีวิตทั้งสองกระทงส่วนความผิดฐานอื่นจำเลยที่ 1กระทำความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานลักทรัพย์จำคุก 6 ปีฐานรับราชการทหารแทนผู้อื่นจำคุก 1 ปีจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาและเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 52 หนึ่งในสามและเฉพาะความผิดต่อพระราชบัญญัติรับราชการทหารลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงลงโทษฐานฆ่านางสมภารผู้ตายจำคุกตลอดชีวิตฐานฆ่านางสาวสมพรผู้ตายจำคุกตลอดชีวิตฐานลักทรัพย์จำคุก 4 ปีฐานรับราชการทหารแทนผู้อื่นจำคุก 6 เดือนรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้วเป็นจำคุกตลอดชีวิตให้ยกฟ้องข้อหาปล้นทรัพย์และพาอาวุธมีดปลายแหลมไปในทางสาธารณะและในหมู่บ้านโดยไม่รับอนุญาตนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์’.

Share