แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยนำเอาอาวุธปืนมีรอยขูดลบตรงเลขหมายประจำปืนกับเครื่องหมายทะเบียนปืน และนำใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนของป.ฉบับที่หาย ไปแสดงต่อนายทะเบียนอาวุธปืนเพื่อให้ออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนให้จำเลยโดยอ้างว่า เจ้าของอาวุธปืนลงชื่อสลักหลังใบอนุญาตขายอาวุธปืนให้จำเลย ซึ่งเป็นเท็จ เป็นเหตุให้นายทะเบียนอาวุธปืนหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง และออกใบอนุญาตให้จำเลย ตามพฤติการณ์เชื่อได้ว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าข้อความหลังใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนนั้นปลอม จำเลยมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอม.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265,268, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6)พ.ศ.2526 มาตรา 4
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา268 ให้จำคุก 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่าจำเลยนำเอาใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนซึ่งมีข้อความสลักหลังว่านายประยุทธ คมอำนาจสกุลขายอาวุธปืนให้จำเลยตามเอกสารหมาย จ.2ประกอบยื่นร่วมกับคำร้องขออนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนต่อนายทะเบียนอาวุธปืนตามเอกสารหมาย จ.1 นายทะเบียนอาวุธปืนได้ออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนให้จำเลยตามเอกสารหมาย จ.3 และ จ.4ปัญหาวินิจฉัยมีว่าจำเลยใช้หรืออ้างข้อความหลังใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นเอกสารปลอมหรือไม่ ปัญหานี้นายประยุทธซึ่งเป็นผู้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนตามเอกสารหมาย จ.2เบิกความยืนยันว่าไม่เคยขายอาวุธปืนให้ใคร รวมทั้งจำเลยด้วยไม่เคยรู้จักจำเลยข้อความด้านหลังของเอกสารหมาย จ.2 ที่ระบุว่าตนขายอาวุธปืนให้จำเลยและมีลายมือชื่อตนลงชื่อเป็นผู้ขายไว้ท้ายข้อความด้วยนั้นตนไม่ใช่เป็นคนเขียนและไม่ใช่ลายมือชื่อของตนนายทะเบียนอาวุธปืนได้ออกใบอนุญาตตามเอกสารหมาย จ.2 ให้ตนจริงแต่ได้หายไปและมีการออกใบแทนให้ใหม่ตามเอกสารหมาย ป.จ.3ทั้งอาวุธปืนและใบแทนดังกล่าวก็ยังมีอยู่กับตนและใช้อยู่โจทก์ก็ยังมีพันตำรวจโทอัครเดช บัญชาพลยุทธมานำสืบสนับสนุนว่าได้ส่งลายมือชื่อของนายประยุทธไปตรวจพิสูจน์ที่กองพิสูจน์หลักฐานกรมตำรวจปรากฏว่าลายมือชื่อนายประยุทธในเอกสารหมาย จ.2 ไม่ใช่ลายมือชื่อที่แท้จริงของนายประยุทธตามเอกสารหมาย ป.จ.2 ส่วนจำเลยคงมีแต่ตัวจำเลยนำสืบว่านายประยุทธขายอาวุธปืนและสลักหลังใบอนุญาตโอนขายอาวุธปืนให้จำเลยและมีนายสาย มีสมโสตพยานจำเลยเบิกความว่าจำเลยเคยมาปรึกษาเรื่องจะซื้ออาวุธปืนและได้เอาอาวุธปืนกับใบทะเบียนอาวุธปืนมาให้ดูโดยบอกว่านายประยุทธขายให้เห็นว่าโจทก์มีเจ้าของอาวุธปืนมายืนยันว่าไม่ได้ขายอาวุธปืนให้จำเลยลายมือชื่อที่สลักหลังใบอนุญาตโอนขายอาวุธปืนไม่ใช่ลายมือชื่อของตนตลอดจนกองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อที่ลงชื่อสลักหลังใบอนุญาตโอนขายอาวุธปืนปรากฏว่าไม่ใช่ลายมือชื่อที่แท้จริงของเจ้าของอาวุธปืน ส่วนพยานจำเลยมีลักษณะเป็นเพียงคำแก้ตัวของจำเลยลอย ๆ ไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุนและปราศจากเหตุผลพยานจำเลยจึงไม่สามารถหักล้างพยานโจทก์ได้ คดีมีเหตุผลเชื่อได้ดังที่พยานโจทก์อ้างว่าข้อความหลังใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนตามเอกสารหมาย จ.2 ปลอมและแม้นายทะเบียนอาวุธปืนจะออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนสำหรับอาวุธปืนที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้จากจำเลยให้จำเลยก็ได้ความจากนายเปี้ยงเซ็น แซ่ฉั่วพยานว่าโจทก์อาวุธปืนดังกล่าวเป็นของตนตามใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนเอกสารหมาย ป.จ.1 ซึ่งถูกคนร้ายปล้นเอาไปก่อนถูกปล้นไม่มีการขูดหมายเลขทะเบียนปืนกับหมายเลขประจำปืนแล้วตอกหมายเลขใหม่แทนหมายเลขเดิมแต่อย่างใดและปรากฏว่าใบอนุญาตที่นายทะเบียนอาวุธปืนออกให้จำเลยนั้นเป็นใบอนุญาตที่สืบเนื่องมาจากใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนฉบับเดิมของนายประยุทธที่หายไป ซึ่งนายทะเบียนอาวุธปืนออกใบแทนให้ใหม่แล้วประกอบกับนายประยุทธไม่ได้ขายอาวุธปืนให้จำเลยโดยอาวุธปืนกับใบแทนใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนก็ยังมีอยู่ที่นายประยุทธและใช้อยู่ ลายมือชื่อนายประยุทธที่สลักหลังใบอนุญาตขายอาวุธปืนให้จำเลยก็สลักหลังใบอนุญาตฉบับเดิมที่หายไปและไม่ใช่ลายมือชื่อที่แท้จริงของนายประยุทธรวมทั้งข้อเท็จจริงฟังได้ว่าอาวุธปืนที่ยึดได้จากจำเลยมีรอยขูดลบตรงเลขหมายประจำปืนกับเครื่องหมายทะเบียนปืนและเป็นคนละกระบอกกับอาวุธปืนตามใบแทนใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนของนายประยุทธ ดังนี้การที่จำเลยนำเอาอาวุธปืนมีรอยขูดลบตรงเลขหมายประจำปืนกับเครื่องหมายทะเบียนปืนเป็นพิรุธกับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนฉบับเดิมที่หายไปแสดงต่อนายทะเบียนอาวุธปืนเพื่อให้ออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนให้จำเลยโดยอ้างว่าเจ้าของอาวุธปืนลงชื่อสลักหลังใบอนุญาตดังกล่าวขายอาวุธปืนให้จำเลยเป็นเหตุให้นายทะเบียนอาวุธปืนหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงและได้ออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนให้จำเลย แต่ตามข้อเท็จจริงเจ้าของอาวุธปืนไม่ได้ขายรวมทั้งไม่รู้จักจำเลยนั้นพฤติการณ์ของจำเลยเช่นนี้มีเหตุผลเชื่อว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าข้อความหลังใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนนั้นปลอมก่อนนำไปแสดงหรืออ้างต่อนายทะเบียนอาวุธปืนการกระทำของจำเลยย่อมมีความผิดฐานใช้หรืออ้างเอกสารปลอมด้วยเหตุผลตามที่ได้วินิจฉัยมาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น’.