แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
แม้โจทก์จะซื้อที่ดินพิพาทมาจาก ค. ภายหลังจากที่จำเลยที่ 1 ประกาศกำหนดเขตเดินสายไฟฟ้าก็ตาม แต่การจ่ายเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินของจำเลยที่ 1 ในกรณีนี้ มิได้มีกฎหมายใด ๆ บัญญัติห้ามมิให้จ่ายแก่ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจากเจ้าของเดิมที่มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินอยู่ก่อนแต่ยังไม่ได้รับอย่างใด สิทธิเรียกร้องเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินของ ค. ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินในขณะที่จำเลยที่ 1 ประกาศกำหนดเขตเดินสายไฟฟ้ามิได้เป็นสิทธิเฉพาะตัวที่จะไม่ตกทอดไปยังผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินรายใหม่ นอกจากนั้นไม่ปรากฏว่า ค. ใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาลเรียกเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินตาม พ.ร.บ.การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยฯ มาตรา 30 ทวิ วรรคหนึ่งมาก่อน ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 1 ยังไม่ได้จ่ายเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ใด หรือได้นำเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินไปวางไว้ต่อศาลหรือสำนักงานวางทรัพย์หรือฝากไว้กับธนาคาร อ. แม้โจทก์จะซื้อที่ดินพิพาทมาภายหลังจากจำเลยที่ 1 ประกาศกำหนดเขตเดินสายไฟฟ้าก็ตามก็ถือว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินอยู่ในปัจจุบันเป็นผู้มีสิทธิที่จะได้รับเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินตาม พ.ร.บ.การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยฯ มาตรา 30 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรื้อถอนเสาไฟฟ้าแรงสูงและสายส่งไฟฟ้าแรงสูงออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 6926 ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร กับให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายจำนวน 140,000 บาท และใช้ค่าเสียหายอีกเดือนละ 10,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะรื้อถอนเสาไฟฟ้าแรงสูงและสายส่งไฟฟ้าแรงสูงออกจากที่ดินของโจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้จำเลยทั้งสองจ่ายเงินค่าทดแทนจำนวน 1,000,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดิน จำนวน 279,740 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสิน แต่ไม่เกินร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามที่โจทก์ขอ นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ชำระแทนตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ให้เป็นพับ
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่โจทก์และจำเลยที่ 1 นำสืบรับกันและมิได้โต้แย้งกันในชั้นนี้ฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2537 จำเลยที่ 1 มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เรื่อง การประกาศกำหนดเขตเดินสายไฟฟ้าพร้อมส่งแผนที่ประกาศกำหนดเขตเดินสายไฟฟ้าสายส่ง 115 กิโลโวลต์ จากสถานีไฟฟ้าย่อยมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ไปยังสถานีไฟฟ้าย่อยสุวรรณเขต แขวงสุวรรณเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร ต่อมาจำเลยที่ 1 ก่อสร้างเสาไฟฟ้าแรงสูงและเดินสายส่งไฟฟ้าแรงสูงพาดผ่านที่ดินตามแนวเขตที่ประกาศ สายส่งไฟฟ้าแรงสูงได้พาดผ่านที่ดินโฉนดเลขที่ 6926 ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งในขณะนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ รวมเนื้อที่ 3 งาน 43 ตารางวา ก่อนมีการก่อสร้างระบบส่งไฟฟ้าดังกล่าว จำเลยที่ 1 ได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบแล้ว แต่จำเลยที่ 1 ไม่ได้จ่ายเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินให้แก่โจทก์ เนื่องจากในระหว่างดำเนินการจ่ายเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินมีการโอนขายเปลี่ยนเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทจากเจ้าของเดิมหลายทอดจนกระทั่งถึงโจทก์ โดยโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทหลังจากจำเลยที่ 1 ประกาศกำหนดเขตเดินสายไฟฟ้าแล้ว
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 ต้องจ่ายเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินให้แก่โจทก์หรือไม่ จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า คณะกรรมการกำหนดค่าทดแทนทรัพย์สินจังหวัดมุกดาหารมีมติให้จ่ายเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินในขณะที่จำเลยที่ 1 ประกาศเขตเดินสายไฟฟ้าเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2537 เท่านั้น ซึ่งในขณะนั้นกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเป็นของนายครองทรัพย์ โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทมาจากนายครองทรัพย์เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2538 จำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่จ่ายเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินให้แก่นายครองทรัพย์ เพราะสิทธิเรียกร้องให้จ่ายเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินดังกล่าวเป็นสิทธิเฉพาะตัวได้เกิดขึ้นก่อนและไม่ตกมากับที่ดินพิพาท โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินนั้น เห็นว่า แม้โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทมาจากนายครองทรัพย์ภายหลังที่จำเลยที่ 1 ประกาศกำหนดเขตเดินสายไฟฟ้าก็ตาม แต่การจ่ายเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินของจำเลยที่ 1 ในกรณีนี้ ก็มิได้มีกฎหมายใดๆ บัญญัติห้ามมิให้จ่ายแก่ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจากเจ้าของเดิมที่มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินอยู่ก่อนแต่ยังไม่ได้รับแต่อย่างใด สิทธิเรียกร้องเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินของนายครองทรัพย์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินในขณะที่จำเลยที่ 1 ประกาศกำหนดเขตเดินสายไฟฟ้ามิได้เป็นสิทธิเฉพาะตัวที่จะไม่ตกทอดไปยังผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินรายใหม่ดังที่จำเลยที่ 1 ฎีกา นอกจากนั้นไม่ปรากฏว่านายครองทรัพย์ใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาลเรียกเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ.2511 มาตรา 30 ทวิ วรรคหนึ่ง มาก่อน ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 1 ยังไม่ได้จ่ายเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ใด หรือได้นำเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินไปวางไว้ต่อศาลหรือสำนักงานวางทรัพย์หรือฝากไว้กับธนาคารออมสิน แม้โจทก์จะซื้อที่ดินพิพาทมาภายหลังจากจำเลยที่ 1 ประกาศกำหนดเขตเดินสายไฟฟ้าก็ตาม ก็ถือว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินอยู่ในปัจจุบันเป็นผู้มีสิทธิที่จะได้รับเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ.2511 มาตรา 30 วรรคหนึ่ง ฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า เงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินพิพาทจำนวน 139,215 บาท ที่จำเลยที่ 1 กำหนดให้แก่โจทก์เป็นธรรมแล้วหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ.2511 มาตรา 30 มีเจตนารมณ์เหมือนกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง ซึ่งต่างมุ่งประสงค์ที่จะให้มีการจ่ายเงินค่าทดแทนให้เป็นธรรมแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือผู้ทรงสิทธิอื่น โดยพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ.2511 มาตรา 30 บัญญัติไว้กว้างๆ ว่าให้จำเลยที่ 1 จ่ายเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินตามความเป็นธรรม ไม่ได้บัญญัติถึงรายละเอียดของหลักเกณฑ์ที่จะให้นำมาใช้คำนึงในการกำหนดและจ่ายเงินค่าทดแทนอย่างเป็นธรรมไว้เหมือนอย่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติหลักเกณฑ์ไว้ว่าให้กำหนดโดยคำนึงถึง (1) ถึง (5) ดังนี้ การที่จะกำหนดและจ่ายเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินตามความเป็นธรรมตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ.2511 มาตรา 30 จึงต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ในทำนองเดียวกันกับที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) ถึง (5) เพื่อใช้เป็นฐานในการกำหนดเงินค่าทดแทนให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือผู้ทรงสิทธิอื่นด้วย สำหรับราคาที่ดินที่โจทก์นำสืบเป็นราคาที่มีการซื้อขายกันในปี 2540 และปี 2541 ภายหลังจากจำเลยที่ 1 ประกาศเรื่องกำหนดเขตสำรวจสายส่งไฟฟ้าในราชกิจจานุเบกษาประมาณ 4 ปี มิใช่เป็นราคาที่ซื้อขายกันในขณะที่จำเลยที่ 1 ประกาศเรื่องกำหนดเขตสำรวจสายส่งไฟฟ้าในราชกิจจานุเบกษา ส่วนราคาที่ดินที่จำเลยที่ 1 นำสืบก็เป็นราคาประเมินเพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หาใช่เป็นราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดไม่ จึงยังไม่สมควรนำราคาที่ดินที่โจทก์และจำเลยที่ 1 นำสืบอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงประการเดียวมาเป็นฐานในการคำนวณเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินให้แก่โจทก์ แต่เนื่องจากที่ดินของโจทก์ที่ถูกสายไฟฟ้าพาดผ่านเป็นส่วนที่อยู่ติดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 สายมุกดาหาร – นครพนม ซึ่งโจทก์ซื้อมาในราคาไร่ละ 300,000 บาท เมื่อได้คำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ในทำนองเดียวกับที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) ถึง (5) ทุกอนุมาตราประกอบกันแล้วที่ดินพิพาทควรมีราคาเฉลี่ยทั้งแปลงไร่ละ 300,000 บาท หรือตารางวาละ 750 บาท คำนวณเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินในอัตราประเภทที่บ้านร้อยละ 90 ของราคาที่ดินดังกล่าวเป็นเนื้อที่ 2 งาน 70.60 ตารางวา เป็นเงิน 182,655 บาท กับคำนวณเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินส่วนที่เหลือในอัตราประเภทที่นาร้อยละ 50 เนื้อที่ 72.40 ตารางวา เป็นเงิน 27,150 บาท รวมเป็นเงิน 209,805 บาท จำเลยที่ 1 ยังมิได้จ่ายเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชำระเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ในข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 จ่ายเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินจำนวน 209,805 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออกสินแต่ไม่เกินร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามที่โจทก์ขอ นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ สำหรับค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นเฉพาะค่าขึ้นศาลให้จำเลยที่ 1 ใช้แทนตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดีชั้นฎีกา ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4