คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3347/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตตามคำขอของโจทก์เกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาที่ให้จำเลยนำเงินมาวางศาลและห้ามมิให้จำเลยจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินพิพาท ต่อมาศาลได้พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โดยในคำพิพากษามิได้กล่าวไว้ซึ่งวิธีการชั่วคราวที่ศาลได้สั่งไว้นั้นและได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน เมื่อโจทก์มิได้ขอหมายบังคับคดีภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคำบังคับคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาย่อมเป็นอันยกเลิกเมื่อสิ้นระยะเวลาดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(2) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260 เป็นบทบัญญัติในชั้นขอให้คุ้มครองสิทธิของคู่ความในระหว่างคดีก่อนมีคำพิพากษาในแต่ละชั้นศาล เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีแล้วตามมาตรา 260(2) บัญญัติให้คำสั่งนั้นมีผลไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น ศาลในชั้นนี้ย่อมหมายถึงศาลชั้นต้นนั่นเอง หาใช่หมายถึงศาลที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากับโจทก์ ให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ทั้งสองคนละ 3,000 บาทต่อเดือน นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ กับให้จำเลยแบ่งสินสมรสให้โจทก์ครึ่งหนึ่งและโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งใช้วิธีคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวก่อนพิพากษา โดยให้จำเลยนำผลประโยชน์เป็นกำไรสุทธิของกิจการร้านชัยเจริญศูนย์ล้อ ซึ่งเป็นสินสมรสมาวางต่อศาลเดือนละ 30,000 บาท หรือมิเช่นนั้นก็ให้โจทก์เข้าร่วมดำเนินกิจการของร้านดังกล่าวกับห้ามจำเลยจำหน่ายจ่ายโอนที่ดินและทรัพย์สินอื่นไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าคดีจะถึงที่สุดและหรือจนกว่าศาลจะพิพากษา
จำเลยคัดค้านว่า จำเลยไม่ได้ตั้งใจจะโอน จะขายหรือจำหน่ายทรัพย์สิน โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะให้จำเลยนำเงินมาวางศาล หรือดำเนินกิจการร้านชัยเจริญศูนย์ล้อร่วมกับจำเลย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้จำเลยนำเงินที่ได้มาจากการประกอบกิจการร้านชัยเจริญศูนย์ล้อมาวางศาลเดือนละ5,000 บาท จนกว่าคดีจะถึงที่สุด และห้ามจำเลยจำหน่ายจ่ายโอนที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 135004, 135005 พร้อมสิ่งปลูกสร้างจนกว่าศาลจะพิพากษา ให้โจทก์วางเงินประกันจำนวน 3,000 บาทก่อนออกหมายดังกล่าว คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก โจทก์และจำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์จำเลยโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2532โจทก์ขอให้ออกคำบังคับในวันเดียวกัน ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน ได้ส่งคำบังคับให้จำเลยด้วยวิธีปิดคำบังคับเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2533 จำเลยไม่ได้ขอทุเลาการบังคับและครบกำหนดที่จำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2533 ปรากฏว่าโจทก์มิได้ขอหมายบังคับคดีภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคำบังคับเพื่อให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและไม่ปรากฏว่าในคำพิพากษาได้กล่าวไว้ซึ่งวิธีการชั่วคราวที่ศาลชั้นต้นได้สั่งไว้ในระหว่างพิจารณาเห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260 บัญญัติว่าถ้าในคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีมิได้กล่าวไว้ซึ่งวิธีการชั่วคราวที่ศาลได้สั่งไว้ในระหว่างการพิจารณา
(1) …ฯลฯ
(2) ถ้าคดีนั้นศาลตัดสินให้โจทก์ชนะ คำสั่งนั้นคงมีผลต่อไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น แต่ถ้าโจทก์มิได้ขอหมายบังคับคดีภายในกำหนดสิบห้าวัน นับแต่วันสิ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคำบังคับเพื่อให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง ให้ถือว่าคำสั่งนั้นเป็นอันยกเลิกเมื่อสิ้นระยะเวลาเช่นว่านั้น ดังนั้นคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาให้จำเลยนำเงินมาวางศาลและห้ามมิให้จำเลยจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินพิพาทย่อมเป็นอันยกเลิกเมื่อสิ้นระยะเวลาเช่นว่านั้น ตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลที่พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี หมายถึงศาลที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดนั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260 เป็นบทบัญญัติในชั้นขอให้คุ้มครองสิทธิของคู่ความในระหว่างคดี ก่อนมีคำพิพากษาในแต่ละชั้นศาล เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(2) บัญญัติให้คำสั่งนั้นมีผลไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น ฯลฯ เช่นนี้ ศาลในชั้นนี้ย่อมหมายถึงศาลชั้นต้นนั่นเอง หาใช่หมายถึงศาลที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดดังที่โจทก์ฎีกาไม่ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share