แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อเป็นภรรยา ผู้เสียหายเต็มใจไปด้วยมิได้ใช้กำลังบังคับพาไปโดยผู้เสียหายกับจำเลยเคยอยู่กินฉัน สามีภรรยามาก่อน จำเลยมิได้มีเจตนาพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้เสียหายจะเป็นหญิงผู้เยาว์อายุ 17 ปี ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการล่วงละเมิดต่ออำนาจปกครองของมารดา การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้กำลังประทุษร้ายและพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารตาม ป.อ. มาตรา 284 และมาตรา 318.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่กับพวกอีก 1 คน ร่วมกันพานางสาวเรไรประสมทรัพย์ ไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้กำลังฉุดกระชากนางสาวเรไรจนอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และพรากนางสาวเรไรซึ่งเป็นผู้เยาว์อายุ 17 ปี ไปเสียจากนางบุญชู ประสมทรัพย์ มารดาผู้ปกครองดูแลเพื่ออนาจาร โดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย จำเลยที่ 4 ได้ข่มขืนกระทำชำเรานางสาวเรไรซึ่งมิใช่ภรรยาของจำเลยที่ 4 จนสำเร็จความใคร่หลายครั้ง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 284, 318,83, 91
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284, 318 วรรคสาม, 83, 91 ให้ลงโทษจำเลยฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284จำคุกคนละ 1 ปี ฐานพรากผู้เยาว์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา318 วรรคสาม จำคุกคนละ 3 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4คนละ 4 ปี ส่วนข้อหาอื่น และจำเลยที่ 1 ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 และ 318 เสียด้วยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ในชั้นนี้ว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ร่วมกันพานางสาวเรไร ประสมทรัพย์ผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายและพรากผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์อายุ 17 ปี ไปเสียจากมารดาผู้ปกครองดูแลเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยตามฟ้องหรือไม่…ข้อเท็จจริงมีเหตุผลอันควรเชื่อว่า จำเลยที่ 4 พาผู้เสียหายไปในครั้งนี้เพื่อเป็นภรรยา ผู้เสียหายเต็มใจไปด้วย มิใช่ใช้กำลังบังคับพาไปโดยผู้เสียหายกับจำเลยที่ 4 เคยอยู่กินฉันสามีภรรยามาก่อน จำเลยที่ 4 มิได้มีเจตนาพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้เสียหายจะเป็นผู้เยาว์ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการล่วงละเมิดต่ออำนาจปกครองของมารดาแต่อย่างใดการกระทำของจำเลยที่ 4 ไม่เป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายและพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารตามฟ้อง และพยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2ที่ 3 พาผู้เสียหายไปเพื่ออนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายและพรากผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไปเสียจากมารดาผู้ปกครองดูแลโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย…”
พิพากษายืน.