แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ทำสัญญาซื้อวิทยุหาทิศขนาดเล็กจากจำเลย จำเลยจึงมีหน้าที่จัดหาวิทยุหาทิศตามสัญญาส่งมอบให้แก่โจทก์ การที่บริษัทผู้ผลิตไม่ส่งวิทยุหาทิศมาให้จำเลยจึงเป็นความผิดของจำเลย หาใช่เหตุสุดวิสัยหรือพ้นวิสัยไม่ จำเลยจึงตกเป็นฝ่ายผิดสัญญา ตามสัญญาซื้อขายข้อ 8 ระบุว่า “เมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญานี้แล้ว ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อหรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้อง หรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวนผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ในกรณีที่ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญาข้อ 7 เป็นจำนวนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้ แล้วแต่ผู้ซื้อจะเห็นสมควร และถ้าผู้ซื้อจัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นเต็มจำนวนหรือเฉพาะจำนวนที่ขาดส่งแล้วแต่กรณีภายในกำหนด 90 วัน นับแต่วันบอกเลิกสัญญาโดยให้นับวันที่บอกเลิกสัญญาเป็นวันเริ่มต้น ผู้ขายยอมรับชดใช้ราคาที่เพิ่มจากราคาที่กำหนดไว้ในสัญญานี้ด้วย” และข้อ 9 ระบุว่า”ในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ 8 ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 1.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วน…” ดังนี้ ตามสัญญาข้อ 8 เป็นการกำหนดเบี้ยปรับในกรณีที่ผู้ขายผิดสัญญาโดยไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อหรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวน และผู้ซื้อได้บอกเลิกสัญญาต่อผู้ขายส่วนสัญญาข้อ 9 นั้นเป็นการกำหนดเบี้ยปรับในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาต่อผู้ขายยังคงยอมให้ผู้ขายนำสิ่งของที่ซื้อขายตามสัญญามาส่งให้แก่ผู้ซื้อต่อไปผู้ซื้อจึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับจากผู้ขายเป็นรายวันได้ เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเนื่องจากจำเลยไม่นำสิ่งของมามอบให้ทั้งหมดโจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับตามสัญญาข้อ 8 เท่านั้นไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับเป็นรายวันตามสัญญาข้อ 9 อีก โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญา โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาพร้อมทั้งแจ้งการริบเงินประกันตามสัญญา และแจ้งให้จำเลยใช้ค่าปรับ จำเลยให้การว่าไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายและค่าปรับตามสัญญา ประเด็นเกี่ยวกับเบี้ยปรับจึงเป็นประเด็นพิพาทในคดีด้วย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ จำเลยแก้อุทธรณ์ว่าจำเลยไม่เป็นฝ่ายผิดสัญญา แต่ศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวซึ่งเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวโดยไม่ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอีก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาซื้อชุดวิทยุหาทิศขนาดเล็กจากจำเลย โดยจำเลยตกลงส่งมอบวิทยุดังกล่าวให้แก่โจทก์ภายในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2524 หากจำเลยผิดสัญญายอมให้โจทก์บอกเลิกสัญญาและริบเงินประกันสัญญาจำนวน 77,625 บาท ซึ่งจำเลยนำมาวางไว้แก่โจทก์ในวันทำสัญญา และยินยอมชดใช้เบี้ยปรับให้แก่โจทก์ในอัตราร้อยละ 0.2 ต่อวัน ของราคาสิ่งของที่จำเลยยังมิได้ส่งมอบให้แก่โจทก์เมื่อถึงวันครบกำหนดตามสัญญาดังกล่าว จำเลยไม่ส่งมอบวิทยุตามสัญญาโจทก์จึงมีหนังสือเร่งรัดให้จำเลยส่งมอบวิทยุดังกล่าวต่อมาจำเลยได้มีหนังสือแจ้งไปยังโจทก์ว่าจำเลยไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ ขอเลิกสัญญา โจทก์จึงบอกเลิกสัญญากับจำเลยเมื่อวันที่23 สิงหาคม 2525 พร้อมทั้งแจ้งการริบเงินประกันตามสัญญาจำนวน77,625 บาท และแจ้งให้จำเลยใช้ค่าปรับในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาวิทยุดังกล่าวเป็นเงิน 526,297.50 บาท จำเลยได้รับหนังสือดังกล่าวแล้วเพิกเฉยไม่ชำระขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน634,517.19 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยให้การว่าบริษัทแอนดี ฮิส แอสโซซิเอท จำกัด เป็นผู้ผลิตวิทยุหาทิศ และตัวแทนของบริษัทดังกล่าวได้เสนอขายให้แก่จำเลยเพื่อขายให้แก่ทางราชการ จำเลยจึงเสนอขายแก่กรมการสื่อสารทหารกองบัญชาการทหารสูงสุด และได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายกัน เมื่อจำเลยทำสัญญาซื้อขายดังกล่าวแล้ว จำเลยได้แจ้งให้ตัวแทนและบริษัทดังกล่าวทราบและเร่งรัดให้จัดการส่งวิทยุหาทิศแก่จำเลย บริษัทดังกล่าวไม่ยอมส่งมอบวิทยุหาทิศให้แก่จำเลยโดยไม่ทราบเหตุผลและจำเลยไม่ได้ผิดสัญญากับบริษัทดังกล่าวด้วย จำเลยจึงไม่สามารถส่งมอบวิทยุหาทิศให้แก่โจทก์ตามสัญญาได้ ซึ่งไม่ใช่ความผิดของจำเลยแต่เป็นเหตุสุดวิสัยและพ้นวิสัยจำเลยจึงไม่เป็นผู้ผิดนัดผิดสัญญาซื้อขาย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายและค่าปรับจากจำเลยตามสัญญาและไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของจำนวนเงินค่าปรับ เพราะเป็นการเรียกค่าเสียหายซ้อน 2 ครั้ง ขอให้ยกฟ้องศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์จำเลยทำสัญญาซื้อขายวิทยุหาทิศขนาดเล็ก ตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.1 เมื่อครบกำหนดระยะเวลาที่จำเลยจะต้องส่งมอบวิทยุหาทิศให้แก่โจทก์ตามสัญญา จำเลยไม่สามารถส่งมอบได้ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาและริบเงินประกันที่จำเลยวางไว้ มีปัญหามาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาว่าจำเลยผิดสัญญาซื้อขายหรือไม่และโจทก์มีสิทธิเรียกค่าปรับตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 9อีกหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว ในปัญหาที่ว่าจำเลยผิดสัญญาหรือไม่นั้น ในชั้นพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์เป็นฝ่ายอุทธรณ์ จำเลยก็แก้อุทธรณ์ว่าจำเลยไม่เป็นฝ่ายผิดสัญญา แต่ศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว ซึ่งเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวและในประเด็นข้อนี้จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยไม่ผิดสัญญา เพราะเหตุที่จำเลยไม่สามารถส่งมอบวิทยุหาทิศตามสัญญาให้แก่โจทก์ได้เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตไม่จัดส่งวิทยุหาทิศมาให้จำเลย จึงเป็นเหตุสุดวิสัยและพ้นวิสัย เห็นว่า จำเลยมีหน้าที่จัดหาวิทยุหาทิศตามสัญญาส่งมอบให้แก่โจทก์ การที่บริษัทผู้ผลิตไม่ส่งวิทยุหาทิศมาให้จำเลย จึงเป็นความผิดของจำเลย หาใช่เหตุสุดวิสัยหรือพ้นวิสัยไม่จำเลยจึงตกเป็นฝ่ายผิดสัญญา
ในปัญหาที่ว่า โจทก์มีสิทธิเรียกค่าปรับตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 9 อีกหรือไม่ ตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 8ระบุว่า “เมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญานี้แล้ว ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อ หรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ในกรณีที่ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญาข้อ 7 เป็นจำนวนเงินทั้งหมด หรือแต่บางส่วนก็ได้ แล้วแต่ผู้ซื้อจะเห็นสมควร และถ้าผู้ซื้อจัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นเต็มจำนวนหรือเฉพาะจำนวนที่ขาดส่งแล้วแต่กรณีภายในกำหนด 90 วัน นับแต่วันบอกเลิกสัญญาโดยให้นับวันที่บอกเลิกสัญญาเป็นวันเริ่มต้น ผู้ขายยอมรับชดใช้ราคาที่เพิ่มจากราคาที่กำหนดไว้ในสัญญานี้ด้วย”และข้อ 9 ระบุว่า “ในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช่สิทธิบอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ 8 ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วน…”
ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาข้อ 8 กำหนดเบี้ยปรับในกรณีที่ผู้ขายผิดสัญญาโดยไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อ หรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้อง หรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวน และผู้ซื้อได้บอกเลิกสัญญาต่อผู้ขาย ส่วนสัญญาข้อ 9 กำหนดเบี้ยปรับในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาต่อผู้ขาย ยังคงยอมให้ผู้ขายนำสิ่งของที่ซื้อขายตามสัญญามาส่งให้แก่ผู้ซื้อต่อไป ผู้ซื้อจึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับจากผู้ขายเป็นรายวันได้ คดีนี้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเนื่องจากจำเลยไม่นำสิ่งของมามอบให้ทั้งหมด โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับตามสัญญาข้อ 8 เท่านั้น ไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับเป็นรายวันตามสัญญาข้อ 9 อีก ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยไม่ได้ต่อสู้ในเรื่องค่าปรับจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยให้นั้น เห็นว่าจำเลยต่อสู้อย่างชัดแจ้งว่าจำเลยไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดและไม่ต้องเสียเบี้ยปรับประเด็นเกี่ยวกับเบี้ยปรับจึงเป็นประเด็นพิพาทในคดีนี้ด้วย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน