คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยจงใจผิดนัดจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์ผู้เป็นลูกจ้างโดยปราศจากเหตุผลอันสมควรต้องรับผิดจ่ายเงินเพิ่มแก่โจทก์ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ ข้อ 31 ในอัตราร้อยละ 15 ของเงินค่าจ้างที่ค้างชำระทุกระยะเจ็ดวัน มิใช่ร้อยละ 15ต่อปี.

ย่อยาว

มูลกรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องบังคับจำเลยให้จ่ายค่าจ้างที่ค้างพร้อมกับเงินเพิ่มร้อยละสิบห้าของเงินที่ค้างชำระทุกระยะเวลาเจ็ดวันนับแต่วันถึงกำหนดจ่าย ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้างจำนวน 10,000 บาท พร้อมกับเงินเพิ่มร้อยละ 15 ของยอดเงิน 5,000 บาททุกระยะเจ็ดวัน นับแต่วันที่ 1 มีนาคม 2529 และเงินเพิ่มร้อยละ 15 ของยอดเงิน 5,000 บาท ทุกระยะเจ็ดวันนับแต่วันที่ 1 เมษายน 2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระแก่โจทก์เสร็จสิ้นต่อมาจำเลยยื่นคำร้องต่อศาลแรงงานกลางขอวางเงินตามคำพิพากษารวมทั้งสิ้น 10,992.22 บาท โดยระบุว่าเป็นค่าจ้าง 10,000 บาทพร้อมเงินเพิ่มทั้งสองจำนวนนับแต่วันที่ 1 เมษายน 2529 และวันที่1 มีนาคม 2529 เป็นเงิน 992.22 บาท
ศาลแรงงานกลางสั่งว่า ตามคำพิพากษาให้คิดเงินเพิ่มร้อยละ15 ของยอดเงิน 5,000 บาท ทุกระยะเจ็ดวยันมิใช่ร้อยละ 15 ต่อปีทุกระยะเจ็ดวันจำเลยวางเงินเพิ่มร้อยละ 15 ต่อปี ทุกระยะเจ็ดวันเป็นเงิน 14.38 บาท จึงไม่ถูกต้องที่ถูกแล้วเป็นเงิน 750 บาท ต่อเจ็ดวันสำหรับยอดเงิน 5,000 บาทแต่ละยอด
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “…คดีฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางซึ่งถึงที่สุดว่า จำเลยจงใจผิดนัดในการจ่ายค่าจ้างเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนมีนาคม 2529 เดือนละ 5,000 บาทรวม 2 เดือน โดยปราศจากเหตุอันสมควร และพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้างจำนวน 10,000 บาท พร้อมกับเงินเพิ่มร้อยละ 15 ของยอดเงิน5,000 บาท ทุกระยะเจ็ดวันนับแต่วันที่ 1 มีนาคม 2529 และเงินเพิ่มร้อยละ 15 ของยอดเงิน 5,000 บาท ทุกระยะเจ็ดวันนับแต่วันที่ 1เมษายน 2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นนั้น เห็นว่า เป็นคำวินิจฉัยชี้ขาดให้จำเลยผู้เป็นนายจ้างซึ่งจงใจผิดนัดจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์ผู้เป็นลูกจ้างโดยปราศจากเหตุผลอันสมควรต้องรับผิดจ่ายเงินเพิ่มแก่ลูกจ้างตามที่ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 31 วรรคสอง บัญญัติไว้ว่า “ถ้านายจ้างจงใจผิดนัดในการจ่ายเงินดังกล่าวโดยปราศจากเหตุผลอันสมควรเมื่อพ้นกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันถึงกำหนดจ่าย นายจ้างจะต้องจ่ายเงินเพิ่มแก่ลูกจ้างร้อยละ 15 ของเงินที่ค้างชำระทุกระยะเจ็ดวัน” เพราะฉะนั้นคำสั่งของศาลแรงงานกลางในชั้นบังคับคดีที่สั่งคำร้องขอวางเงินของจำเลยว่าจำเลยต้องวางเงิน 750 บาทต่อเจ็ดวัน สำหรับยอดเงิน 5,000 บาท แต่ละยอดชำระหนี้ตามคำพิพากษานั้นชอบด้วยประกาศกระทรวงหมาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 31 วรรคสองแล้ว หาใช่วางเงินเพิ่มร้อยละ 15 ของยอดเงิน 5,000 บาท ทุกระยะเจ็ดวันเป็นเงิน 14 บาท 38 สตางค์ ตามที่จำเลยคิดคำนวณและอุทธรณ์ขึ้นมาไม่ เพราะไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวมาแล้ว”
พิพากษายืน.

Share