แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีที่จำเลยผู้ต้องคำพิพากษาร้องต่อศาลว่าทางเรือนจำคิดลดโทษให้ไม่ถูกต้อง ขอให้ศาลคิดลดโทษให้นั้น เมื่อศาลมีคำสั่งให้คิดลดโทษให้จำลยนั้น พัสดีจะอุทธรณ์ ฎีกาคำสั่งศาลต่อไปไม่ได้ เพราะพัสดีไม่ใช่โจทก์จำเลยหรือคู่ความ หรือผู้เสียหาย และเป็นกรณีตรงกันข้ามกับมาตรา 90 จะอ้างมาตรา 90 มาเป็นอำนาจอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้เช่นเดียวกัน
ย่อยาว
เรื่องนี้นายเณรหรือพิศจำเลยต้องโทษเรื่องปล้นทรัพย์ ๒ คดี รวมโทษจำคุก ๑๐ ปี ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า ทางการเรือนจำคิดลดโทษให้ไม่ถูกต้อง ขอให้ศาลคิดลดโทษให้จำเลยใหม่ ศาลนัดจำเลยผู้ร้อง พัสดี และอัยยการมาพร้อมกัน พัสดีแถลงถึงหลักเกณฑ์การคิดลดโทษ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คิดลดโทษจำเลยทั้ง ๒ คดี
พัสดีเรือนจำอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ให้ยกอุทธรณ์ของพัสดี โดยถือว่าไม่เป็นอุทธรณ์อันชอบด้วยกฎหมาย
พัสดีเรือนจำประจวบคีรีขันธ์ฎีกา,
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พัสดีเรือนจำไม่ใช่โจทก์จำเลย หรือคู่ความ หรือผู้เสียหายตามความหมายใน ป.ม.วิ.อาญา มาตรา ๒ (๓) (๓) (๑๔) (๑๕) ทั้งเรื่องนี้ก็เป็นการตรงข้ามกับที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๙๐ ป.ม.วิ.อาญา พัสดีจะอ้างมาตรา ๙๐ มาเป็นอำนาจอุทธรณ์ฎีกาไม่ถูกต้อง
จึงสั่งยกฎีกา.