คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3339/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ในการชำระหนี้เงินยืม ผู้ยืมให้ผู้ให้ยืมรับเงินเดือนแทนผู้ยืมแล้วหักเงินเดือนชำระหนี้ ดังนี้ สมุดจ่ายเงินเดือนของทางราชการที่ผู้ให้ยืมลงชื่อรับเงินเดือนแทนผู้ยืมนั้นเป็นหลักฐานการใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2521 จำเลยได้กู้ยืมเงินโจทก์ 2,000 บาท โดยมิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ย และเวลาชำระหนี้ไว้ ต่อมาวันที่ 2 สิงหาคม 2528 โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ที่กู้ยืมไปดังกล่าว จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยชำระเงิน 2,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2528 จนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยให้การว่าได้กู้เงินโจทก์ไปตามฟ้องจริง แต่จำเลยได้ชำระให้แก่โจทก์เสร็จสิ้นแล้วขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีข้อวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่า สมุดเซ็นรับเงินเดือนของทางราชการที่โจทก์ลงชื่อรับเงินเดือนแทนจำเลยตามเอกสารหมาย ล.1 ถึง ล.7 เป็นหลักฐานการใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสองได้หรือไม่เห็นว่าการวินิจฉัยข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ซึ่งถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนว่าโจทก์ลงชื่อรับเงินเดือนแทนจำเลยประจำเดือนตุลาคม 2521 ถึงเดือนเมษายน 2522 ตามที่ปรากฏในสมุดจ่ายเงินเดือนเอกสารหมาย ล.1 ถึง ล.7 แล้วหักเงินเดือนของจำเลยดังกล่าวใช้หนี้เงินที่จำเลยกู้ยืมโจทก์ครบถ้วนแล้วดังนี้ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า เอกสารหมาย ล.1 ถึงล.7 เป็นหลักฐานการใช้เงิน ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653 วรรคสอง”
พิพากษายืน

Share