แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยให้การเป็นพยานเบิกความว่าแย่งการครอบครอง ข้อนี้ไม่เป็นประเด็น เพราะจำเลยมิได้ยื่นคำให้การ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์กับให้ใช้ค่าเสียหาย จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “จำเลยที่ 1 อ้างตนเองเป็นพยานเบิกความว่า เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2518 จำเลยที่ 1 ซื้อที่ดินพิพาทจากนางสาวศิริวรรณพนาสกุล การทำสัญญาซื้อขายกันเอง ไม่ได้จดทะเบียนที่ดินพิพาทเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญ หลังจากซื้อแล้ว จำเลยที่ 1 เข้าครอบครองทำประโยชน์โดยเริ่มปลูกอ้อยตั้งแต่ พ.ศ. 2518 ตลอดมาจนบัดนี้ โจทก์ไม่เสียหายตามฟ้อง” ฯลฯ
“คำเบิกความของจำเลยที่ 1 ที่อ้างว่าซื้อที่ดินพิพาทจากนางสาวศิริวรรณพนาสกุล นั้นเลื่อยลอยไม่มีเหตุผล ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ทั้งสองครอบครองเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทจริง
ส่วนปัญหาเรื่องโจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกคืนที่ดินพิพาทหรือไม่ ตามที่จำเลยที่ 1ฎีกา เห็นว่าคดีนี้จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ จึงไม่มีประเด็นเรื่องแย่งการครอบครอง ถึงแม้ศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยมา ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษายืน