คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3336/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หลังจากเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 4 ไว้แล้ว ได้มีหนังสือแจ้งการยึดทรัพย์ให้จำเลยที่ 4 เพื่อทราบโดยไปส่งที่บ้านเรือนของจำเลยที่ 4 แต่ส่งหนังสือ ดังกล่าวให้จำเลยที่ 4 ไม่ได้เพราะไม่พบตัวและไม่มีผู้ใดรับแทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่ง+ถ้าไม่มีผู้ใดรับโดยชอบให้ปิดหมายได้ปรากฏว่าพบผู้มีชื่อที่บ้านเรือนของจำเลยที่ 4 แจ้งว่าจำเลยที่ 4 ไม่อยู่โดยได้ย้ายออกจากบ้านเรือนไปนานแล้ว โจทก์จึงยื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ส่งโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ ดังนี้ ถือได้ว่าการส่งหนังสือแจ้งการยึดทรัพย์และประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ได้ จำเลยที่ 4 ไม่สามารถจะทำได้โดยวิธีส่งธรรมดา จึงต้องส่งโดยวิธีอื่นแทนดังระบุไว้ในประมวลกำหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคแรก เมื่อศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ส่งหนังสือดังกล่าวให้จำเลยที่ 4 ทราบโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ จึงเห็นการใช้ดุลพินิจสั่งตามที่เห็นสมควรชอบด้วยกฎหมายแล้ว และประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ดังกล่าวย่อมมีผลใช้ได้ เมื่อกำหนด 15 วัน ได้ล่วงพ้นไปแล้ว ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 79 วรรคสอง ทนายจำเลยที่ 4 จะคัดค้านว่าจำเลยที่ 4 มิได้อยู่ในประเทศไทยเพราะเดินทางไปต่างประเทศแล้วจะถือว่าได้มีการส่งคำคู่ความหรือเอกสารถูกต้องตามกฎหมายแล้วไม่ได้หาได้ไม่

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดทรัพย์สินของนายมนัส จำเลยที่ ๔ แต่เจ้าพนักงานศาลส่งหนังสือแจ้งการยึดทรัพย์ให้จำเลยที่ ๔ ไม่ได้ โจทก์จึงยื่นคำแถลงว่า จำเลยที่ ๔ ได้ถูกโจทก์ฟ้องอีกคดีหนึ่งเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๑๐๙/๒๕๒+ ซึ่งภรรยาและบุตรของจำเลยที่ ๔ แถลงต่อศาลว่า จำเลยที่ ๔ ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกาบ้าง ไปอยู่ประเทศไต้หวันบ้าง เป็นการไม่แน่นอน ศาลจึงเชื่อว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย จึงสั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องในคดีดังกล่าวให้จำเลยที่ ๔ โดยประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ ฉะนั้น ในคดีนี้โจทก์จึงขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้หนังสือและประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ให้จำเลยที่ ๔ ทราบโดยวิธีประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์เช่นเดียวกัน ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตและให้ทำการส่งประกาศแจ้งการยึดทรัพย์และกำหนดวันขายทอดตลาดทรัพย์ให้จำเลยที่ ๔ ทราบไปลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์เสียงราษฎร์มีกำหนด ๗ วันแล้ว
นายนครทนายความจำเลยที่ ๔ ยื่นคำร้องขอให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์ไว้ก่อน อ้างว่าการส่งหนังสือแจ้งการยึดและประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ที่ศาลสั่งให้ส่งโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์นั้น ได้กระทำเมื่อภายหลังที่จำเลยที่ ๔ มิได้อยู่ในประเทศไทย เพราะเดินทางไปอยู่ต่างประเทศแล้ว จะถือว่าได้มีการส่งคำคู่ความหรือเอกสารถูกต้องตามกฎหมายแล้วไม่ได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งที่ให้ขายทอดตลาดที่ได้ประกาศทางหนังสือพิมพ์ไว้เดิมได้
ทนายจำเลยที่ ๔ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน
ทนายจำเลยที่ ๔ ฎีกา
วินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงได้ความว่า หลังจากเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ที่ดินของจำเลยที่ ๔ ไว้แล้ว ได้มีหนังสือแจ้งการยึดทรัพย์ให้จำเลยที่ ๔ เพื่อทราบ แต่เจ้าพนักงานศาลรายงานว่าได้นำหนังสือแจ้งการยึดทรัพย์ไปส่งที่บ้านเรือนของจำเลยที่ ๔ แล้ว ไม่พบจำเลยที่ ๔ และไม่มีผู้ใดรับแทน จึงส่งหนังสือแจ้งการยึดทรัพย์ให้จำเลยที่ ๔ ไม่ได้ดังปรากฏตามรายงานเจ้าหน้าที่ลงวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๒๑ โจทก์จึงยื่นคำแถลงขอให้ส่งหนังสือแจ้งการยึดทรัพย์ให้จำเลยที่ ๔ อีกครั้ง หากส่งไม่ได้หรือไม่มีผู้ใดรับแทนก็ขอให้ศาลสั่งให้ปิดหมายไว้ที่บ้านเรือนของจำเลยที่ ๔ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งใหม่โดยวิธีธรรมดาอีกครั้ง ถ้าไม่มีผู้ใดรับโดยชอบให้ปิดหมายได้ เจ้าพนักงานศาลนำหนังสือแจ้งการยึดไปส่งที่บ้านเรือนของจำเลยที่ ๔ อีก แล้วรายงานว่าพบผู้มีชื่อที่บ้านเรือนของจำเลยที่ ๔ แจ้งว่าจำเลยที่ ๔ ไม่อยู่โดยจำเลยที่ ๔ ได้ ย้ายออกจากบ้านเรือนไปนานแล้ว ปรากฏตามรายงานเจ้าหน้าที่ลงวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๒๑ ศาลชั้นต้นส่งให้โจทก์ทราบและแสดงหลักฐานที่อยู่ของจำเลยที่ ๔ โจทก์จึงยื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ส่งหนังสือแจ้งการยึดทรัพย์และประกาศขายทอดตลาดให้จำเลยที่ ๔ ทราบโดยวิธีประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ ได้ความดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า การส่งหนังสือแจ้งการยึดทรัพย์และประกาศขายทอดตลาดให้จำเลยที่ ๔ ไม่สามารถจะทำได้โดยวิธีส่งธรรมดา จึงต้องทำการส่งโดยวิธีอื่นแทนดังที่ระบุไว้ในมาตรา ๗๙ วรรคแรก แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ส่งหนังสือแจ้งการยึดทรัพย์และประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ให้จำเลยที่ ๔ ทราบโดยวิธีประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์นั้น เป็นการใช้ดุลพินิจสั่งตามที่เห็นสมควรชอบด้วยกฎหมายแล้ว และประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ดังกล่าวย่อมมีผลใช้ได้ เมื่อกำหนด ๑๕ วันได้ล่วงพ้นไปแล้ว ดังบัญญัติไว้ในมาตรา ๗๙ วรรคสอง ที่ทนายจำเลยที่ ๔ ยื่นคำร้องคัดค้านว่าจำเลยที่ ๔ มิได้อยู่ในประเทศไทยเพราะเดินทางไปต่างประเทศแล้ว จะถือว่าได้มีการส่งคำคู่ความหรือเอกสารถูกต้องตามกฎหมายแล้วไม่ได้นั้น ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share