คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3335/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สินค้าที่โจทก์นำเข้าเป็นพลาสติกที่เป็นแผ่นหรือแถบซึ่งม้วนพันอยู่รอบแกนกระดาษ ด้านข้างทั้งสองด้านรวมทั้งแกนกระดาษตัดเรียบเสมอกันเป็นพลาสติกใสไม่ยับยู่ยี่ทุกม้วนหน้ากว้าง 8 นิ้ว หนักม้วนละ 16.5 ปอนด์ซึ่งบางม้วนมีกระดาษปิดบอกน้ำหนัดไว้ทั้งยังมีพลาสติกพันหรือหุ้มห่อไว้อีกชั้นหนึ่งสภาพดีใช้การได้ มีสภาพแตกต่างจากเศษพลาสติกที่นำเข้ามาพร้อมกัน ถือได้ว่าเป็นพลาสติกสำเร็จรูปต้องชำระอากรขาเข้าในพิกัดประเภทที่ 39.02 ข.แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2503 จึงมิใช่เศษพลาสติกที่ใช้เป็นวัตถุดิบ สำหรับเอามาหล่อ หลอม อัด หรือผสมเป็นของสำเร็จรูปรวมทั้งการที่ต้องเสียอากรขาเข้าในพิกัดประเภทที่39.02ก..

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2528 โจทก์ได้นำสินค้าประเภทเศษพลาสติกจำนวน 217 หีบห่อ น้ำหนัก 94,492 กิโลกรัม เข้ามาในราชอาณาจักร โดยสำแดงพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ 39.02 ก.โดยชำระอากรขาเข้า ภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลรวมเป็นเงิน799,879.91 บาท และขอให้เจ้าหน้าที่ของจำเลยไปตรวจสินค้าที่โรงเก็บสินค้าของโจทก์ ผลการตรวจเจ้าหน้าที่ของจำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบว่าพบสินค้าบางส่วนเป็นพลาสติกสำเร็จรูปกว้าง8 นิ้ว น้ำหนัก 16.5 ปอนด์ ลักษณะเป็นม้วนจำนวน 1,337 ม้วนน้ำหนัก 10,000 กิโลกรัม รวมอยู่ด้วย ซึ่งต้องเสียอากรขาเข้าในพิกัดประเภทที่ 39.02 ข. และได้กักสินค้าไว้ทั้งหมดเป็นการไม่ชอบ เพราะสินค้าดังกล่าวมีตั้งแต่ขนาด 2 นิ้วถึง12 นิ้ว น้ำหนักไม่เท่ากันทุกม้วน ต่อมาในเดือนมิถุนายน 2528เศษพลาสติกงวดที่สองที่โจทก์สั่งซื้อถูกส่งมา เจ้าหน้าที่ของจำเลยแนะนำให้โจทก์แยกสินค้าเสียภาษีตามพิกัด โจทก์ไม่เห็นด้วยแต่ก็ต้องปฏิบัติตามโดยสำแดงสินค้าไว้ทั้งสองพิกัดในใบขนสินค้าขาเข้า ฯ แต่ไดชำระอากรขาเข้าในพิกัดประเภทที่ 39.02 ก. ทั้งหมดเป็นเงิน 890,999.87 บาทและได้วางประกันประกันไว้ด้วย ขอให้พิพากษาว่าเศษพลาสติกที่โจทก์นำเข้าเป็นสินค้าที่ต้องเสียอากรขาเข้าตามพิกัดประเภทที่ 39.02 ก.ทั้งหมด
จำเลยให้การว่าสินค้าตามใบขนสินค้าขาเข้า ฯ ฉบับแรกเฉพาะที่เป็นพลาสติกที่มีขนาดกว้าง 8 นิ้ว หนัก 16.5 ปอนด์ น้ำหนัก10,000 กิโลกรัมนี้ไม่ใช่เศษพลาสติก แต่เป็นสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์กรรมวิธีแบบโปลีเมอริเซชั่นและโคโปลีเมอริเซชั่นชนิดเป็นผืนเป็นแผ่น เป็นแถบจัดเป็นสินค้าตามพิกัดประเภทที่39.02 ข. สินค้าดังกล่าวเป็นพลาสติกสำเร็จรูป สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที ส่วนสินค้าตามใบขนสินค้าขาเข้า ฯ ฉบับหลังโจทก์สำแดงไว้ถูกต้องแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่าสินค้าพิพาทจัดอยู่ในพิกัดประเภทที่ 39.02 ก. พิพากษาให้เพิกถอนการอายัดและกักสินค้าตามใบขนสินค้าขาเข้าและให้จำเลยคืนหนังสือค้ำประกันของธนาคารแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ปัญหาว่พลาสติกชนิดที่เป็นม้วน หน้ากว้าง 8 นิ้วที่โจทก์สั่งเข้ามาทั้งสองครั้งนั้นจะต้องเสียอากรขาเข้าในพิกัดประเภทที่ 39.02 ก. หรือ 39.02ข. เห็นว่าของหรือวัตถุจำพวกพลาสติกที่จะต้องเสียอากรขาเข้าในพิกัดประเภทที่ 39.02 ก. นั้นเป็นของชนิดที่ใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับเอามาหล่อ หลอม อัดหรือผสมเป็นของสำเร็จรูปรวมทั้งกาว เศษที่ใช้ไม่ได้และเศษที่ไม่ใช้ของของประเภทนี้ส่วนของหรือวัตถุจำพวกพลาสติกที่จัดเข้าพิกัดประเภทที่ 39.02 ข. นั้นเป็นพลาสติกอื่น ๆ ที่เป็นผืน เป็นแผ่น เป็นแถบและอื่น ๆ การที่จะพิจารณาว่าสินค้าใดเป็นเศษพลาสติกหรือพลาสติกสำเร็จรูปนั้น จะต้องพิจารณาจากสภาพอันแท้จริงของสินค้านั้นเป็นหลักสำคัญ พลาสติกที่เกิดปัญหาโต้แย้งเป็นกรณีพิพาทกันนี้ปรากฏว่เป็นพลาสติกที่เป็นแผ่นหรือแถบ ซึ่งม้วนพันอยู่รอบแกนกระดาษเป็นพลาสติกใสทั้งสองด้านเรียบเสมอกันไม่ยับยู่ยี่ ทุกม้วนหน้ากว้าง 8นิ้ว ที่แกนกระดาษตัดเสมอเท่ากับความกว้างของแผ่นพลาสติกหนักม้วนละ 16.5 ปอนด์ บางม้วนมีกระดาษปิดบอกน้ำหนักไว้ด้วยมีสภาพดีใช้การได้ ทั้งยังมีพลาสติกพันหรือหุ้มห่อไว้ด้านนอกอีกชิ้นหนึ่งด้วย และมีสภาพแตกต่างจากเศษพลาสติกที่สั่งเข้ามาในคราวเดียวกัน ถือได้ว่าเป็นพลาสติกสำเร็จรูปต้องเสียอากรขาเข้าในพิกัดประเภทที่ 39.02 ข. ดังนั้นการที่พนักกานเจ้าหน้าที่ของจำเลยสั่งให้โจทก์ที่ 1 เสียอากรขาเข้าในพิกัดประเภทที่ 39.02 ข. นั้นเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์.

Share