แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยแล้ว คดีจึงอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ภริยาโจทก์เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ผู้มรณะได้ คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ให้จำเลยเช่าที่ดินบางส่วน จำเลยไม่ชำระค่าเช่า โจทก์บอกเลิกการเช่าให้จำเลยออกจากที่เช่า จำเลยเพิกเฉยขอให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกจากที่เช่าพร้อมบริวาร ชำระค่าเช่าที่ค้าง 1,118 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และชำระค่าเสียหายเดือนละ 500 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะรื้อถอนขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่เช่า
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่ดินเฉพาะส่วนที่จำเลยครอบครองเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแล้วโดยการครอบครองปรปักษ์ ขอให้ยกฟ้องและพิพากษาว่าจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดินเลขที่ 5856เฉพาะส่วน 50 ตารางวา
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยมิได้ครอบครองที่ดินในฐานะเจ้าของจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้าน และสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆพร้อมบริวารออกจากที่ดินที่เช่า ให้จำเลยชำระเงินค่าเช่าและค่าเสียหายที่ค้าง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ปรากฏว่า หลังจากศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยแล้ว นางฟัก มาธูป ภริยาของโจทก์ยื่นคำร้องลงวันที่ 7 มีนาคม 2531 ว่า โจทก์ถึงแก่กรรมไปแล้วขอเข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตเห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยแล้ว คดีจึงอยู่ในระหว่างการพิจารณษของศาลฎีกา ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้นางฟักเข้ามาเป็นคู่ความแทนโจทก์ได้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวจึงไม่ชอบ ให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้นางฟักเข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ผู้มรณะ แต่เมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่านางฟักเป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ โจทก์ถึงแก่กรรมจริงทั้งจำเลยมิได้คัดค้านการที่นางฟักขอเข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งอนุญาตให้นางฟัก มาธูป เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ผู้มรณะ…”
พิพากษายืน.