คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3329/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สหกรณ์จำเลยจัดปุ๋ยมาจำหน่ายให้แก่สมาชิกโดยสมาชิกนำปุ๋ยไปใช้โดยยังไม่ต้องชำระราคา แต่เมื่อสมาชิกนั้นทำไร่ได้ผลิตผลเป็นใบยาสูบและนำมาขายให้จำเลย จำเลยจะหักหนี้ค่าปุ๋ยดังกล่าวไว้แม้จะไม่ปรากฏวัตถุประสงค์หรือข้อบังคับของการจัดตั้งสหกรณ์จำเลยก็ตาม แต่ตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งสหกรณ์ พ.ศ. 2511 มาตรา 4 บัญญัติให้สหกรณ์เป็นคณะบุคคลซึ่งร่วมกันดำเนินการเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และมาตรา 21(9) ก็ให้อำนาจสหกรณ์ที่จะดำเนินธุรกิจและการค้าเพื่อประโยชน์ของสมาชิกได้ เมื่อไม่ปรากฏจากคำคัดค้านหรือข้อนำสืบของผู้คัดค้านว่า จำเลยไม่ติดต่อค้าขายกับบุคคลภายนอกซึ่งมิใช่สมาชิก จึงต้องถือว่าจำเลยจำหน่ายปุ๋ยเป็นปกติธุระแก่บุคคลทั่วไปด้วย ถือได้ว่าจำเลยเป็นพ่อค้าตามความหมายของ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) เดิมหนี้ค่าปุ๋ยดังกล่าวจึงมีอายุความ 2 ปี

ย่อยาว

ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 ยื่นคำร้องใจความทำนองเดียวกันว่า ที่ผู้คัดค้านได้มีหนังสือยืนยันหนี้ไปยังผู้ร้องที่ 1ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 อ้างว่า ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5เป็นหนี้จำเลย ซึ่งศาลมีคำพิพากษาให้ล้มละลาย โดยให้ผู้ร้องแต่ละคนชำระหนี้ต่อผู้คัดค้านดังต่อไปนี้คือ ให้ผู้ร้องที่ 1 ชำระเงินค่าปุ๋ยจำนวน 457,770.25 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีและเงินยืมทดรองค่าใบยาแห้งจำนวน 280,218 บาทดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12 ต่อปี นับแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2524 จนกว่าจะชำระเสร็จ ให้ผู้ร้องที่ 2 ชำระหนี้เงินยืมทดรองค่าใบยาแห้งจำนวน 165,665 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12 ต่อปีและค่าปุ๋ยจำนวน 313,810.75 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2524 จนกว่าจะชำระเสร็จให้ผู้ร้องที่ 3ชำระหนี้เงินกู้กับเงินยืมทดรองค่าใบยาแห้งจำนวน 284,393.64 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12 ต่อปี และค่าปุ๋ยจำนวน 441,686.30บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2527 จนกว่าจะชำระเสร็จและให้ผู้ร้องที่ 5 ชำระค่าปุ๋ยจำนวน 265,490 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และเงินยืมทดรองค่าใบยาแห้งจำนวน 144,581 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ12 ต่อปี นับแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2524 จนกว่าจะชำระเสร็จนั้นหนี้ดังกล่าวผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 ไม่ได้เป็นหนี้จำเลยแต่อย่างใด หนังสือรับสภาพหนี้ของหนี้ดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากการแสดงเจตนาลวงระหว่างผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 5 กับจำเลยเหตุที่ทำหนังสือรับสภาพหนี้ก็เพื่อให้จำเลยดำเนินกิจการต่อไปได้ ทั้งมูลหนี้ดังกล่าวก็ขาดอายุความแล้ว ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านทั้งสี่สำนวนมีใจความทำนองเดียวกันว่าผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 เป็นหนี้จำเลยตามหนังสือยืนยันหนี้ของผู้คัดค้าน ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 ได้ลงลายมือชื่อไว้ในหนังสือรับสภาพหนี้จึงต้องรับผิด การรับสภาพหนี้ไม่ใช่การแสดงเจตนาลวงและหนี้ดังกล่าวไม่ขาดอายุความ คำร้องของผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 เคลือบคลุม ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ผู้ร้องที่ 1 ถึงที่ 3 เป็นหนี้ค่าปุ๋ย เงินยืมทดรองและเงินกู้จริง ผู้ร้องที่ 5 คงเป็นหนี้ค่าปุ๋ย ส่วนเงินยืมทดรองไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ มีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ 1 ถึงที่ 3 ให้ผู้ร้องที่ 1 ชำระหนี้ค่าปุ๋ยจำนวน 457,770.25 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และเงินยืมทดรองค่าใบยาแห้งจำนวน 280,219 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12 ต่อปีให้ผู้ร้องที่ 2 ชำระหนี้ค่าปุ๋ยจำนวน 313,810.75 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และเงินยืมทดรองค่าใบยาแห้งจำนวน 165,665 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ให้ผู้ร้องที่ 3 ชำระหนี้ค่าปุ๋ยจำนวน 330,232.75 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และเงินกู้กับเงินยืมทดรองค่าใบยาแห้งจำนวน 223,932 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ส่วนผู้ร้องที่ 5 ให้ชำระหนี้ค่าปุ๋ยจำนวน 265,490 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี โดยให้ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 ต่างชำระดอกเบี้ยแต่ละจำนวนนับแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2524 จนกว่าจะชำระเสร็จต่อผู้คัดค้าน (แต่ดอกเบี้ยค่าปุ๋ยและเงินกู้กับเงินยืมทดรองค่าใบยาแห้งของผู้ร้องที่ 3 จนถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2527 ต้องไม่เกิน111,453.55 บาท และ 60,461.64 บาท ตามลำดับ) และให้จำหน่ายชื่อผู้ร้องที่ 5 จากบัญชีลูกหนี้ในหนี้เงินยืมทดรองค่าใบยาแห้ง
ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ผู้ร้องที่ 5 ชำระเงินยืมทดรองค่าใบยาแห้งจำนวน 144,581 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12 ต่อปี นับแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2524 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้คัดค้าน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น
ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฯลฯ ส่วนหนี้ค่าปุ๋ยของผู้ร้องที่ 1 ที่ 2และที่ 3 ตามหนังสือรับสภาพหนี้เอกสารหมาย ค.3 ร.2 และ ร.5 ตามลำดับนั้น เห็นว่า จากข้อเท็จจริงที่ได้ความว่าหนี้ดังกล่าวคือหนี้ที่จำเลยจำหน่ายปุ๋ยให้แก่สมาชิกนำไปใช้ทำไร่ยาสูบโดยยังไม่ต้องชำระราคา แต่เมื่อสมาชิกนั้นทำไร่ได้ผลิตผลเป็นใบยาสูบและนำมาขายให้จำเลย จำเลยจะหักหนี้ค่าปุ๋ยดังกล่าวไว้ แม้จะไม่ปรากฏวัตถุประสงค์หรือข้อบังคับของการจัดตั้งสหกรณ์จำเลยก็ตามแต่ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งสหกรณ์ พ.ศ. 2511 มาตรา 4 บัญญัติให้สหกรณ์เป็นคณะบุคคลซึ่งร่วมกันดำเนินกิจการเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และมาตรา 21(9) ก็ให้อำนาจสหกรณ์ที่จะดำเนินธุรกิจและการค้าเพื่อประโยชน์ของสมาชิกได้ เมื่อไม่ปรากฏจากคำคัดค้านหรือข้อนำสืบของผู้คัดค้านว่าจำเลยไม่ติดต่อค้าขายกับบุคคลภายนอกซึ่งมิใช่สมาชิก จึงต้องถือว่าจำเลยจำหน่ายปุ๋ยเป็นปกติธุระแก่บุคคลทั่วไปด้วย ถือได้ว่าจำเลยเป็นพ่อค้าตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (1) เดิม หนี้ค่าปุ๋ยดังกล่าวจึงมีอายุความ 2 ปี และนับจากวันที่ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ทำหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2524 อันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง ถึงวันที่ผู้คัดค้านมีหนังสือแจ้งไปยังผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้ชำระหนี้ คือวันที่ 20กุมภาพันธ์ 2527 ดังที่ปรากฏตามคำคัดค้านของผู้คัดค้านในสำนวนคดีแรกและตามคำแก้ฎีกาของผู้คัดค้าน พ้นกำหนด 2 ปี หนี้ค่าปุ๋ยดังกล่าวจึงขาดอายุความแล้วฎีกาของผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ในปัญหานี้ฟังขึ้นบางส่วน ฯลฯ
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำหน่ายชื่อผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จากบัญชีลูกหนี้เฉพาะหนี้ค่าปุ๋ยจำนวน 457,770.25 บาท313,810.75 บาท และ 330,232.75 บาท ตามลำดับ กับให้จำหน่ายชื่อผู้ร้องที่ 5 จากบัญชีลูกหนี้เฉพาะหนี้เงินยืมทดรองค่าใบยาแห้งจำนวน 144,581 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share