คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3327/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายกัญชาโดยฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยให้การรับสารภาพโดยมิได้ปฏิเสธว่าจำเลยไม่ทราบถึงประกาศของกระทรวงสาธารณสุขแต่อย่างใดที่จำเลยฎีกาว่า ไม่ปรากฏว่ากระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศว่ากัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 จริงหรือไม่ และจำเลยไม่สามารถทราบประกาศดังกล่าวได้นั้น จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นแม้ผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาในศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

ศาลชั้นต้น ลงโทษจำเลยในข้อหามีกัญชาเพื่อจำหน่าย จำคุก 2 ปีปรับ 20,000 บาท ข้อหาจำหน่ายกัญชา จำคุก 2 ปี ปรับ 20,000 บาทลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 ปี ปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าไม่รอการลงโทษและไม่ปรับ จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่าตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ว่าจำเลยบังอาจมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขนั้นไม่ปรากฏว่ากระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศว่ากัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 จริงหรือไม่ จำเลยไม่สามารถทราบประกาศดังกล่าวได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายกัญชาโดยฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยให้การรับสารภาพโดยมิได้ปฏิเสธว่าจำเลยไม่ทราบถึงประกาศของกระทรวงสาธารณสุขแต่อย่างใด จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแต่ในศาลชั้นต้นแม้จะได้รับอนุญาตให้ฎีกาก็ไม่อาจทำให้ศาลฎีการับวินิจฉัยได้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนข้อที่จำเลยขอให้รอการลงโทษให้จำเลยนั้นเห็นว่า การที่จำเลยมีกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษจำนวนถึง105 ห่อ น้ำหนัก 260.80 กรัม ไว้เพื่อจำหน่าย และได้จำหน่ายส่วนหนึ่งไปแล้วด้วย ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดในข้อหาที่ร้ายแรงเป็นภัยต่อความสงบสุขของสังคมซึ่งไม่ควรรอการลงโทษให้จำเลยศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่รอการลงโทษให้จำเลยชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share