คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3326/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

กัญชาของกลางมีน้ำหนักสุทธิ 1,900 กิโลกรัม ก่อนที่ ส.ผู้ร่วมกระทำผิดอีกคนหนึ่งจะไปรับจำเลยมาดูกัญชาของกลางที่บ้านเกิดเหตุ ส. ได้นำกัญชาของกลางซึ่งมีจำนวนมากมาเก็บไว้ที่บ้านเกิดเหตุด้วยวิธีการอันเร้นลับ บ้านดังกล่าวมีกำแพงทึบประตูเข้าก็เป็นบานทึบแน่นหนามีคนเฝ้าระแวดระวังอยู่ตลอดเวลายากที่บุคคลภายนอกทั่วไปจะล่วงรู้และเข้าไปได้ การที่ ส. ขับรถยนต์ไปรับจำเลยจากโรงแรมพามายังบ้านเกิดเหตุและขึ้นไปตรวจดูกัญชาของกลางบนบ้านชั้นสอง ซึ่งเป็นที่เก็บกัญชานานประมาณ 10 นาทีแล้วลงมาพร้อมกับ ส.นั้น ถือได้ว่าจำเลยได้มีส่วนรู้เห็นและร่วมกับ ส. นำกัญชาของกลางมาเก็บไว้ที่บ้านเกิดเหตุ และได้ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งกัญชาของกลางเพื่อจำหน่าย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 26, 76, 102 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 4, 8 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) เรื่องระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ลงวันที่ 17 กันยายน 2522 ข้อ 4(1) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83และขอให้ศาลสั่งริบของกลางทั้งหมด ยกเว้นรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน2ฉ-5506 กรุงเทพมหานคร ขอให้คืนแก่เจ้าของ จำเลยที่ 1 ที่ 2ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 76 ให้จำคุกคนละ 15 ปี ของกลางและรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 2ฉ-5506กรุงเทพมหานคร ศาลสั่งไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 8590/2530ของศาลชั้นต้นแล้วจึงไม่ต้องสั่งอีก จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ได้พิเคราะห์คำนายวินัย มณฑาพงษ์นายสิทธิศักดิ์ วัจนะรัตน์ และนายวันชัย ดิษเทศ ประจักษ์พยานโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 โดยตลอดแล้วได้ความว่าก่อนที่นายสมศักดิ์ ศรีสุข ผู้ร่วมกระทำผิดในคดีนี้อีกคนหนึ่งซึ่งยังหลบหนีอยู่จะไปรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 มาดูกัญชาของกลางที่บ้านเกิดเหตุ นายสมศักดิ์ได้นำกัญชาของกลางซึ่งมีจำนวนมากมาเก็บไว้ที่บ้านเกิดเหตุด้วยวิธีการอันเร้นลับ บ้านดังกล่าวมีกำแพงทึบ ประตูเข้าก็เป็นบานทึบแน่นหนามีคนเฝ้าระแวดระวังอยู่ตลอดเวลายากที่บุคคลภายนอกทั่วไปจะล่วงรู้และเข้าไปได้เช่นนี้ การที่นายสมศักดิ์ขับรถยนต์เก๋งไปรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 จากโรงแรมนานาพามายังบ้านเกิดเหตุและขึ้นไปตรวจดูกัญชาของกลางซึ่งเก็บไว้บนบ้านชั้นสองนั้น เป็นกรณีที่ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้มีส่วนรู้เห็นและร่วมกับนายสมศักดิ์นำกัญชาของกลางซึ่งมีจำนวนมากมายมาเก็บไว้ทีบ้านเกิดเหตุ ตามคำให้การในชั้นสอบสวนของนายวีระชัย กาแก้วจำเลยที่ 3 และนายวีระศักดิ์ หนึ่งคำมี จำเลยที่ 4 ซึ่งให้การไว้ต่อร้อยตำรวจตรีธงชัย หนูน้อย พนักงานสอบสวน ก็ปรากฏว่าเมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 นั่งรถยนต์เข้ามาในบ้านแล้วได้ลงจากรถยนต์ขึ้นไปบนบ้านชั้นสองซึ่งเป็นที่เก็บกัญชานานประมาณ 10 นาทีแล้วลงมาพร้อมนายสมศักดิ์ กรณีถือได้แล้วว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2ได้ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งกัญชาของกลางเพื่อจำหน่ายตามฟ้องที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 นำสืบว่าจำเลยทั้งสองนั่งรถยนต์ของนายสมศักดิ์มาเพราะนายสมศักดิ์อ้างว่าจะพาไปหาผู้หญิงบริการและทีแรกนายสมศักดิ์ได้พาไปที่บ้านหลังอื่นก่อน แต่ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ที่บ้าน จึงขับรถยนต์พาไปบ้านหลังที่ 2 ก็ปรากฏว่าไม่มีหญิงบริการอีกจึงพามายังบัานเกิดเหตุและถูกจับนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าไม่น่าเชื่อ เพราะตามคำจำเลยทั้งสองได้ความว่าจำเลยทั้งสองไม่เคยรู้จักกับนายสมศักดิ์มาก่อน ไม่น่าเชื่อว่าจะยอมให้นายสมศักดิ์พาไปยังบ้านหลังต่าง ๆ ซึ่งตามที่จำเลยทั้งสองเบิกความปรากฏว่าอยู่ในที่เปลี่ยวไม่น่าไว้วางใจสำหรับคนที่พึ่งพบกันเป็นครั้งแรกกรณีน่าเชื่อตามคำนายวันชัยพยานโจทก์ ซึ่งเบิกความว่าวันเกิดเหตุได้ทราบจากนายวินัยว่าสายลับได้รายงานว่านายสมศักดิ์ได้รับกัญชาไว้เรียบร้อยแล้วพร้อมที่จะส่งให้ชาวต่างประเทศขอให้นายวันชัยเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของนายสมศักดิ์ นายวันชัยจึงไปเฝ้าบ้านนายสมศักดิ์ตั้งแต่เวลา 7 นาฬิกา พอเวลา 9 นาฬิกาก็เห็นนายสมศักดิ์ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อบีเอ็มดับบลิวหมายเลขทะเบียน 2ฉ. แต่จำหมายเลขไม่ได้ออกจากบ้านกับชายคนหนึ่งไปที่โรงแรมนานา รับจำเลยทั้งสองขึ้นรถแล้วนายสมศักดิ์ขับรถตรงมายังบ้านเกิดเหตุเลยไม่ได้แวะที่ไหน เหตุที่น่าเชื่อดังกล่าวเพราะนายวันชัยเป็นเจ้าพนักงานไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยทั้งสองมาก่อน ไม่มีเหตุน่าระแวงสงสัยว่าจะเบิกความให้ร้ายหรือกลั่นแกล้งจำเลยทั้งสอง นอกจากนี้ยังปรากฎตามเอกสารหมาย จ.8 ประกอบคำแปลเอกสารหมาย จ.9 ซึ่งนายโรแลนด์ เอ็น ฮิวจ์ผู้ช่วยทูตฝ่ายปราบปรามยาเสพติดสำนักงานกรุงเทพมีมาถึงพลตำรวจตรีชวลิตยอดมณี เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดว่าจำเลยที่ 2 เป็นบุคคลคนเดียวกันกับนายเคนเน็ท ว็อชเบอร์นซึ่งมีประวัติการค้ายาเสพติดตั้งแต่ พ.ศ. 2522 ปรากฏรายละเอียดตามเอกสารดังกล่าว พยานหลักฐานต่าง ๆ เหล่านี้ จึงทำให้ศาลไม่อาจรับฟังพยานหลักฐานของจำเลยมาหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ดังได้วินิจฉัยมาแล้วได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันให้ลงโทษจำเลยทั้งสองมานั้นต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1ที่ 2 ฟังไม่ขึ้นแต่ที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 76 โดยมิได้ระบุวรรคนั้น เห็นสมควรระบุเสียให้ถูกต้อง”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 76 วรรคสอง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share